Browse Tag by บริหารเวลา
บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาอย่างไร ถึงจะทำงานได้สำเร็จ

การปลุกตัวเองให้ยืดเส้นยืดสายแต่เช้าสำคัญ อย่างไร

การบริหารเวลา เป็นพื้นฐานของการวางแผนและปฏิบัติงานให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากทุกคนมีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมง หากสามารถจัดการกับเวลาได้อย่างเหมาะสมตลอดทั้งวันต่อเนื่องตลอดปี ก็มีโอกาสเข้าใกล้ความสำเร็จทั้งชีวิตการงานและครอบครัวยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

การปลุกตัวเองให้ยืดเส้นยืดสายแต่เช้าสำคัญ อย่างไร

การจัดวินัยให้ตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้ามืด เช่น ตีห้า เพื่อการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน ก็ล้วนเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารที่สร้างความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและทำให้สมองโล่ง แม้จะเป็นวันละ 30 – 60 นาที แต่ก็ทำให้เวลาทั้งวันที่เหลือเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการทำงานขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ หลายท่านยังได้แบ่งช่วงเวลาตอนเช้าสำหรับการทำสมาธิ หรือเล่นโยคะเป็นประจำเพื่อการตั้งมั่นของอารมณ์ที่ไม่หงุดหงิดหรือวอกแวกง่ายในการทำงาน ซึ่งนับว่าเป็นเทคนิคที่ดีในการเสริมสร้างศักยภาพของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นด้วย

การจัดตารางแผนงานก่อนนอนทุกคืน เพื่อลดความวุ่นวายในตอนเช้า

เป็นการบริหารเวลาที่ช่วยลดปัญหาได้หลายอย่างในวันต่อมา เช่น การหลงลืมเอกสารลูกค้าไว้ที่บ้าน การลืมนัดประชุมงาน รวมถึงการมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆ จนลืมใส่ใจคนในครอบครัว ซึ่งในระยะยาวจะเกิดการสะสมจนเป็นปัญหาเรื้อรังที่เรามักได้ยินเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่พูดว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้แม้แต่การกินข้าวด้วยกันก็ยังคิดและคุยแต่เรื่องงาน !

นอกจากนี้ การใช้เวลาช่วงก่อนนอนลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำด้วยการใช้คีย์เวิร์ดว่า “ด่วน” และ “สำคัญ” ไปจัดหมวดหมู่ของงานต่าง ๆ จะช่วยให้เลือกได้ง่ายขึ้นว่าควรทุ่มเทเวลากับงานชิ้นใดมากกว่ากัน หรืองานใดไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเอง ก็ต้องใช้ตัวช่วยอย่างทีมงาน แอพพลิเคชั่น หรือพนักงานส่งของบ้าง เป็นต้น

แยกเวลาส่วนตัวออกจากการทำงานให้ชัดเจน

ปัจจุบัน สื่อโซเชียลและแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ สามารถเป็นทั้งประโยชน์และโทษได้พร้อมกัน หากไม่แยกแยะเวลาและสร้างวินัยในตัวเอง จะทำให้ขาดสมาธิและทำงานด้วย ประสิทธิภาพที่ด้อยกว่าที่ควรจะเป็น

การกำหนดกับตัวเองว่าในช่วงเวลาที่ทำงานจะไม่รับสายโทรหรือตอบไลน์ หรือในชั่วโมงออกกำลังกายจะทุ่มเทกับการใช้พลังกายให้เต็มที่ หยุดคิดเรื่องงาน หรือสิ่งกวนใจต่าง ๆ เช่นนี้จะช่วยให้การบริหารเวลาในช่วงอื่น ๆ ค่อย ๆ ถูกปรับให้มีแบบแผนและถูกวัดผลลัพธ์ทางความสำเร็จได้ดีขึ้นด้วยอย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาที่ดีจะช่วยให้ทุกชั่วโมงของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่าทุกชั่วโมงคือการทำงาน แต่เป็นทุกชั่วโมงที่สามารถมีสติและลงมือทำในสิ่งต่าง ๆ ตรงหน้าได้อย่างดีที่สุด เพื่อการเข้าใกล้ความสำเร็จของชีวิตที่แท้จริง

Uncategorized

สิ่งห้ามขาดกับการบริหารเวลาวัยทำงาน

สิ่งห้ามขาดกับการบริหารเวลาวัยทำงาน

การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยทำงานหนุ่มสาวที่ต้องการความก้าวหน้าในองค์กร และนี่คือสิ่งห้ามขาดสำหรับการบริหารเวลาวัยทำงาน

การบริหารเวลาวัยทำงาน

บันทึกอยู่เสมอ เพราะประสบการณ์และการเรียนรู้มักมาหาเราได้เสมอทุกเวลา การพกสมุดโน๊ตหรือใช้โปรแกรมการบันทึกไอเดียสั้น ๆ ลงในมือถือ smartphone เมื่ออยู่นอกบ้าน จะช่วยให้คุณสามารถต่อยอดการปฏิบัติได้ในทันทีเมื่อมีเวลาส่วนตัวพร้อมต่อการทำงานนั้น ๆ การจดบันทึกเสมอยังเป็นการช่วยด้านการพัฒนาสมองให้ได้ใช้งาน ช่วยให้สมองไม่ฝ่อและสามารถทำงานได้อย่างเป็นระเบียบ

เดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ การอยู่กับที่ไม่ได้ช่วยด้านไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์แต่อย่างใด แต่การเดินทางจะสร้างมุมมองใหม่ให้กับการใช้ชีวิตรวมถึงการนำเอามาใช้ในเรื่องงานได้ด้วย การเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ นอกจากจะได้ใช้ชีวิตอย่างรีแลกซ์แล้ว ยังได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อีกด้วย การได้เดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ประสบการณ์การเดินทางเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ดีและคุณควรนำเอาประโยชน์จากมันมาใช้ ไม่ใช่เพียงแต่แค่นั่งรถผ่านไปโดยไร้วิสัยทัศน์และการวิเคราะห์ใด ๆ

ทำทีละอย่าง เมื่อถึงเวลาทำงาน ควรทำทีละอย่าง ปิดทีวี ปิดเสียงมือถือ ทำบรรยากาศให้เงียบสงบมากที่สุดเพื่อเอื้อต่อการมีสมาธิในการทำงาน โดยเฉพาะคนที่จิตใจวอกแว่กง่าย วิธีนี้จะช่วยให้คุณบริหารเวลาได้ดียิ่งขึ้นอย่างมาก

การสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน บางครั้งการใช้กลิ่นหอมแบบอโรมา ช่วยให้การตั้งสมาธิจดจ่อกับงานในมือเป็นได้อย่างราบรื่นยาวนานขึ้น ลองใช้ผลิตภัณฑ์ปรับบรรยากาศที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบชาเขียว หรือกลิ่นดอกไม้ไม่แรงมากฉีดสเปรย์ห้องทำงานก่อนการเริ่มงานดู

สิ่งห้ามขาดกับการบริหารเวลา

ทำตางรางติดไว้ข้างฝา อย่างที่เราเห็นบ่อยตามองค์กรใหญ่ ๆ หรือในหนังฝรั่งที่จะมีการติด year planner หรือแผนธุรกิจรายเดือนไว้ที่บอร์ดหรือผนังเพื่อกระตุ้นใจให้ฮึกเหิมไม่ขี้เกียจปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ อาจจะใช้ใช้เทคโนโลยีในการเตือน เช่น การตั้งมือถือให้ดังเมื่อถึงใกล้ถึงเวลานัดหมาย การใช้นาฬิกานับถอยหลังเพื่อช่วยกระตุ้นให้คุณ active ขึ้นกับการบริหารเวลาแต่ละชั่วโมง เป็นต้น

การมีวินัย พยายามทำตามแผนที่วางไว้ให้ได้ เพื่อรักษาเวลาให้ลงล็อคตามที่ตั้งใจไว้ ไม่ผ่อนปรนกับความขี้เกียจจนทำให้กระทบต่อความสำเร็จของงานชิ้นอื่น ๆ อย่าลืมที่จะแบ่งเวลาเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ อย่างสมดุล อย่าลืมว่าทุกคนสวมหมวกที่มีหน้าที่ต่าง ๆ หลายใบ อย่าปล่อยให้ภาระบางอย่างมากเกินไปจนทำให้งานอีกหลายอย่างต้องเสียหายตาม

ปฏิเสธเสียบ้างกับสิ่งที่ยังไม่สำคัญหรือเร่งด่วน การเกรงใจหรือมีน้ำใจจะเป็นประโยชน์ต่อเมื่อคุณสามารถมีเวลาเหลือพอที่จะไปช่วยคนอื่นได้โดยที่ไม่กระทบต่องานตัวเอง พร้อมทั้งศึกษาแนวทางหรือไอเดียบริหารเวลาของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือเหล่าคนดังว่าเขามีตัวช่วยหรือใช้เทคนิคอะไรในแต่ละวันเพื่อให้เวลา 24 ชั่วโมงทรงคุณค่าที่สุด

สิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้าม คือ การไม่หยุดเสริมทักษะให้ตัวเอง การทำงานทุกประเภทยิ่งมีทักษะหรือความชำนาญก็ยิ่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานเป็นประจำแล้วยังไม่สามารถพิมพ์คีย์บอร์ดแบบสัมผัสได้ ก็ควรพยายามฝึกเพื่อเพิ่มความเร็วและแม่นยำในการพิมพ์ ทำให้มีเวลาเหลือทำสิ่งอื่น ๆ ได้ดีขึ้น

ห้ามขาดกับการบริหารเวลาวัยทำงาน

เทคนิคที่กล่าวมาจะช่วยให้ทุกท่านสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและเพิ่มสมดุลให้ชีวิตเป็นอย่างดี

บริหารเวลาทำงาน

18 หลักบริหารเวลาอย่างง่าย งานสำเร็จได้ทุกวัน

18 หลักบริหารเวลาอย่างง่าย งานสำเร็จได้ทุกวัน

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานด้วยความรวดเร็วตอบโจทย์การแข่งขันทางธุรกิจที่ทวีเพิ่มสูงทั่วโลก ขณะเดียวกัน ก็ต้องหาเทคนิครักษาระดับความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไว้ให้ดีอีกด้วย

เราจึงได้รวบรวม 18 หลักการบริหารเวลาที่ดีที่สุดไว้ให้คุณ ที่นี่

1. แพลนในตารางมือถือ หรือ diary ก่อนนอน ว่าพรุ่งนี้เช้าถึงเย็นต้องทำอะไร-ที่ไหน-กับใครบ้าง

2. ตั้งเวลาเปิดเปิดนาฬิกาไว้ด้วยเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ เช่น น้ำตกไหล นกร้อง เพื่อกระตุ้นให้อารมณ์แจ่มใส

3. ตื่นเช้ามาควรทำสามาธิหรือทำใจให้สงบก่อนทำงานเสมอ

4. ช่วงเช้า ทำการทบทวน plan ที่คิดไว้เมื่อคืนคร่าว ๆ อีกครั้งในเวลาไม่เกิน 3 นาที

5. หากมีสิ่งที่เข้ามาเป็น “คิวแทรก” ต้องประเมินว่าด่วนหรือสำคัญเพียงใด

6. ควรเอา “กิจกรรมแทรก” ไปทำช่วงเวลาระหว่างเบรค หรือ แบ่งทอนให้คนอื่นบ้าง

7. ในที่ทำงาน คุยเฮฮากับเพื่อนฝูงได้ แต่ไม่ควรนานเกินไป เพราะทำให้เสียความจดจ่อในการทำงาน

8. ควรทำงานอย่างมีสมาธิ แล้วพักสายตา-คลายเครียดทุก 20-30นาที

9. บิดขี้เกียจ-ยืดเส้นยืดสายเป็นระยะ เพื่อรีเฟรซ (refresh) ร่างกาย ทำให้สมองแจ่มใสขึ้นในช่วงบ่าย

10.พยายามทำงานให้ได้ตามแผนเวลาที่วางไว้ ไม่ให้พอกพูน ทั้งยังต้องเผื่อเวลาเล็กน้อย สำหรับยืดหยุ่นได้บ้าง

11. หากมีเรื่องไม่สบอารมณ์ ต้องปล่อยวางบ้าง

12. จากข้อ 11. นำความคิดมาไล่เรียงในสมอง ใช้โอกาสตอนประชุม (ทั้งส่วนตัวและทางการ) เสนอแนะหาทางแก้ไขปัญหา

13. ในตอนเช้า หัวสมองยัง “แล่น” ดี เสียงรอบข้างยังเงียบสงบ ควรทำงานที่ต้องใช้สมาธิหรือพลังความคิดสูง

รวบรวม 18 หลักการบริหารเวลาที่ดีที่สุดไว้

14. ยิ้มให้เพื่อนร่วมงาน แทนการจับเข่าคุยกันยาว ๆ

15. ใช้ภาษากาย ภาษามือ หรือสายตา แทนการให้กำลังใจเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องบ่อย ๆ เพราะแสดงถึงความจริงใจ ทำให้ได้รับความร่วมมือจากการทำงานดีขึ้น ทำให้การบริหารเวลาดีขึ้นตามไปด้วย

16. ไม่เสียเวลาดุว่าลูกน้องเป็นส่วนตัว เพราะทำให้เสียกำลังใจและไม่เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด

17. จ้างมืออาชีพขับรถให้ ลดการขับรถด้วยตัวเอง เพราะสามารถคิดงานและทำงานหลายอย่างในรถได้ และทำให้ลดปัญหาอุบัติภัยจากความใจลอยหรือความอ่อนเพลียได้

18. ทบทวนข้อผิดพลาด-จุดเด่นของตัวเองทุกครั้ง ไม่ว่าทำงานเสร็จตามแพลนในข้อ 1. หรือไม่ เพื่อการแก้ไขในวันต่อไป

การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุก ๆ วัน ดังที่มีการกล่าวไว้ว่าคนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวต่างกัน จากพื้นฐานคือการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

บริหารเวลาทำงาน

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรบริหารเวลาอย่างไร

ขั้นตอนการวางแผนเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

ในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรเรียนรู้วิธีการบริหารจัดการเวลาซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด เพราะต้องทำงานหลายอย่างและไม่มีเวลาพอที่จะทำทุกอย่างได้ทั้งหมด จำเป็นต้องรู้วิธีการจัดการเวลาของคุณให้ดีและใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ก่อนที่คุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งสำคัญต้องวางแผนว่าจะใช้เวลาอย่างไร โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นตอนการวางแผนเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

1.ค้นหาข้อบกพร่อง

หากคุณคิดว่าไม่มีเวลาพอ มีงานคั่งค้างไม่ได้ทำ ต้องเขียนจำนวนวันทำงานในแต่ละสัปดาห์ เขียนแผนการใช้เวลาที่คิดว่าเหมาะสม จดบันทึกงานและผลงานสำคัญที่สุด คำนวณว่าควรใช้เวลาเท่าไร จากนั้นค่อยทำงานถัดไปที่สำคัญน้อยลงตามลำดับ เขียนอธิบายว่ารายละเอียดของงานและเหตุผลที่มีความสำคัญหรือไม่สำคัญ ทำตามแผนงาน

2.ติดตามเวลา

ข้อมูลเป็นพื้นฐานสำหรับการปรับพฤติกรรม ตรวจสอบและจดบันทึกว่าตนใช้เวลาไปอย่างไร เช่น

การสร้างหมวดหมู่เวลา กิจกรรมที่คุณมักจะทำคืออะไร เช่น การประชุม งานขาย จัดการกับใบแจ้งหนี้และงานเอกสาร เขียนสิ่งต่างๆ ที่ทำในแต่ละวันเป็นหมวดหมู่ ตรวจสอบผลงานว่าใช้เวลาไปอย่าง ประมาณ 1-2 สัปดาห์

ใส่ใจสิ่งที่ทำ การบริหารเวลาเป็นเรื่องยากเพราะคุณไม่เคยให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ทำอย่างหนึ่งแล้วเปลี่ยนไปทำอีกอย่าง แทนการทำงานให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ ไป อาจเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เสียเวลาโดยไม่รู้ตัว

หลังจากติดตามเวลาครบกำหนดแล้ว รวบรวมข้อมูลที่บันทึกไว้ ดูแต่ละหมวดหมู่ว่าอะไรใช้เวลามากที่สุดหรือถ้าบางประเภทใช้เวลามากกว่างานอื่น ๆ ลองใช้แอปพลิเคชันนาฬิกาจับเวลาลดชั่วโมงการทำงานในแต่ละสัปดาห์ที่สิ้นเปลืองไปกับการป้อนข้อมูลและข้อผิดพลาดในการทำงาน

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรบริหารเวลาอย่างไร

3.เปรียบเทียบสิ่งที่ควรทำกับสิ่งที่ทำไปแล้ว

ดูรายการแรกที่ระบุสิ่งสำคัญที่สุด เปรียบเทียบข้อมูลจากเวลาที่บันทึกไว้ ดูว่าได้ทุ่มเทเวลามากที่สุดให้กับสิ่งที่สำคัญที่สุดหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันแสดงว่าสิ่งสำคัญรายการแรกอาจไม่ถูกต้อง เพราะความไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้วงานใดสำคัญที่สุดในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้า หรือสิ่งสำคัญรายการแรกถูกต้องแล้ว แต่ยังบริหารจัดการกับเวลาไม่ดีพอ จำเป็นเปลี่ยนแปลงวิธีจัดการเวลาให้เหมาะสม

4.ปรับวิธีการบริหารงานและบริหารเวลา

มองหากิจกรรมที่ใช้เวลามาก มีผลประโยชน์น้อย หรือทำให้เสียสมาธิจากงานที่สำคัญมาก ควรตัดสินใจมอบหมายงานที่ไม่สำคัญให้พนักงานคนอื่นทำแทน หรือจ้างพนักงานมากขึ้นเพื่อให้เข้ามาแบ่งเบาภาระงาน โดยที่เจ้าของธุรกิจไม่ต้องลงมือทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง พิจารณาตัดทอนบางสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องทำหรือเปลี่ยนวิธีการให้แตกต่างออกไปเพื่อให้ใช้เวลาน้อยลง โดยปกติการประชุมต้องเสียเวลามาก ควรลดการประชุมลงบ้างหรือจัดให้มีการประชุมสั้น ๆ เพื่อให้เสียเวลาทำงานน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ธุรกิจและการงานจะมีความก้าวหน้าถ้ามีการจัดการที่ดี เทคนิคเหล่านี้ช่วยคุณได้

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลามีประสิทธิภาพ สร้างสมดุลชีวิต

บริหารเวลามีประสิทธิภาพ สร้างสมดุลชีวิต

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญ หากจัดการกับเวลาแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ ชีวิตจะมีความสมดุลสามารถควบคุมทุกความต้องการอย่างเหมาะสม ทั้งเรื่องการศึกษา การหารายได้ และการพักผ่อน ก่อนจะรู้จักการบริหารชีวิตให้มีความสมดุล บางครั้งคุณอาจรู้สึกเหมือนว่าไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการ ทำอะไรแบบเร่งรัดไปหมด การปรับพฤติกรรมของเราจะช่วยลดความเครียดได้ คุณต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน แบ่งเป็นขั้นตอน ทำตามแผนอย่างรอบคอบและควรทบทวนความคืบหน้าว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ การจัดลำดับความสำคัญเน้นงานเร่งด่วนและที่สำคัญมากกว่า แล้วจัดทำตาราง รายการสิ่งที่ต้องทำและหลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่ง

รายการสิ่งที่ต้องทำ เช่น

– ทำงาน
– เตรียมตัวสำหรับการสัมมนาในวันพฤหัสบดี
– ไปห้องสมุด อื่น ๆ
– จ่ายค่าเช่า
– ซื้อการ์ดอวยพรวันเกิด
– ซื้อเตารีดเหล็ก
– จองตั๋วคอนเสิร์ต 2 ใบ
– ไปเยี่ยมเพื่อน
– ไปที่ธนาคาร

การวางแผนล่วงหน้าด้านเวลา ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะ

คุณควรจะมีระบบเตือนความจำ จะเป็นสมุดโน้ต บันทึกในคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าจะต้องทำอะไร อย่าพยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างในหัว พกปากกาและกระดาษไปทุกที่เพื่อเขียนบันทึกประจำวัน รวมถึงการนัดหมายและกำหนดเวลา ทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบกิจกรรมรายวัน งานเร่งด่วนหรืองานสำคัญเน้นด้วยเครื่องหมายดอกจัน ข้อดีของการทำรายการสิ่งต้องทำ ช่วยให้มุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายสำคัญ มีโอกาสน้อยที่จะลืมทำ จดบันทึกเพื่อเรียงลำดับความคิดจะช่วยประหยัดเวลาและทำให้ตัดสินใจทำสิ่งสำคัญที่สุดและเร่งด่วนที่สุดได้ง่ายขึ้น คุณจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อควบคุมทุกอย่างให้ทันเวลาได้

ประสิทธิภาพและประสิทธิผลไม่เหมือนกัน บางคนทำงานหนักและจัดการได้ดี แต่ใช้เวลาไปกับงานที่ไม่สำคัญมากเกินไป อาจมีประสิทธิผล แต่ไม่มีประสิทธิภาพ คุณต้องอุทิศเวลาให้งานสำคัญและเร่งด่วนก่อน เรียกว่ารู้จักลำดับความสำคัญ อย่าเห็นแก่งานง่ายรีบเอามาทำก่อน มีความแตกต่างระหว่างงานเร่งด่วนและงานสำคัญ งานเร่งด่วนอาจไม่จำเป็นต้องสำคัญก็ได้ วิธีบริหารเวลามีหลักง่ายๆ ควรดูว่าเสียเวลาไปกับอะไรและพยายามลดสิ่งนั้น ลองบันทึกทุกสิ่งที่คุณทำเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จดรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน จากนั้นตรวจสอบบันทึกเพื่อดูว่าใช้เวลาผิดวิธีอย่างไร

ความเป็นระเบียบ ช่วยให้สมองไม่ฟุ้งซ่าน

คุณจะทำงานมีประสิทธิภาพได้อย่างไรหากโต๊ะทำงานถูกฝังอยู่ใต้กองกระดาษ ควรจัดพื้นที่ทำงานให้เป็นระเบียบ ทุกอย่างมีลำดับขั้นตอนเพื่อให้ทันกำหนดเวลา อย่าทิ้งทุกอย่างไว้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย วัดผลงานและติดตามความคืบหน้าหาจุดที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก การบันทึกเวลากับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันเป็นวิธีหนึ่งที่เป็นประโยชน์ เพื่อลดเวลาที่เสียไปและทำแผนภูมิวันถัดไป สัปดาห์ถัดไป เมื่อสิ้นสัปดาห์ตรวจสอบบันทึกเวลาและถามตัวเองว่าตอนไหนที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด บางคนตื่นตัวสมองแล่นมากที่สุดในตอนเช้า บางคนทำงานเร็วช่วงบ่ายหรือเย็น กำหนดเวลางานสำคัญที่สุดสำหรับช่วงเวลานั้นในแต่ละวัน เพื่อที่ใช้ประโยชน์จากเวลาได้ดีที่สุด

บริหารเวลาทำงาน

ใช้ทุกวินาทีให้อยู่หมัด ความสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อม

ใช้ทุกเวลาให้อยู่หมัด

การบริหารเวลาที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องง่ายและใคร ๆ ก็ทำได้ จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คุณคิด บางคนอาจจะวางแผนมาดีว่าจะทำอะไรบ้าง พอถึงเวลากลับมีบางสิ่งบางอย่างที่คอยขัดขวางหรือรบกวนจิตใจ สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถบริหารเวลาได้ตามแผนการที่พวกเขาได้วางเป้าหมายเอาไว้ หลักในการบริหารเวลาเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จมาให้ได้นั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถค้นหาได้ด้วยตนเอง แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้ว พวกเขามักจะมีหลักในการบริหารเวลาให้คนอื่น ๆ ได้ศึกษาและทดลองทำตาม เราก็ยังคงมีเทคนิคในการบริหารเวลา เพื่อที่คุณจะค้นพบความสำเร็จที่อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

1. เริ่มต้นจากการสร้างวินัยในช่วงเช้า

การสร้างวินัยในช่วงเช้าที่ว่านี้ เป็นการกำหนดกิจกรรมที่คุณจะต้องทำในยามเช้าอย่างมีระเบียบวินัย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ หรือแม้กระทั่งการอ่านหนังสือ ตลอดจนกระทั่งการวางแผนในชีวิตประจำวัน เพื่อที่คุณจะสามารถเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างทรงพลังมากยิ่งขึ้น

2. สร้างระเบียบวินัยในช่วงก่อนเข้านอน

อีกหนึ่งช่วงที่คุณไม่ควรทิ้งกว้าง นั่นก็คือ ช่วงเวลาก่อนเข้านอน สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จได้จริงนั้น พวกเขามักจะไม่รอให้ถึงเช้าแล้วจึงค่อยเตรียมตัว แต่พวกเขาจะเตรียมพร้อมเพื่อวันถัดไปในทันทีในช่วงก่อนเข้านอน ในช่วงเวลานี้ยังคงเป็นช่วงเวลาที่คุณสามารถบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ทำจิตใจให้ดูสงบ หรือแม้กระทั่งการวางแผนในวันถัดไปว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อถึงช่วงเวลาเช้าทุกอย่างจะเรียบร้อย ส่งผลทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายไร้ความกังวล เพราะคุณได้เตรียมตัวและเตรียมพร้อมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว

3. ต้องเป็นคนคิดไกล และมองการไกลเป็นสำคัญ

พยายามนึกและคิดที่จะวางแผนแบบละเอียดที่สุด และทุกอย่างจะต้องมีความรอบคอบร่วมด้วย เวลาช่วงหนึ่งที่คุณรู้สึกว่าว่าง ขอให้คุณเริ่มต้นมองการไกลไปข้างหน้า ค้นหาความเป็นไปได้และผลกระทบที่อาจจะมีหรือเกิดขึ้น หลังจากนั้นให้คุณวางแผนลงมือทำ ซึ่งในกรณีนี้คุณจะต้องมีการจัดแจงเวลาเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วนั่นเอง

และอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ การลำดับเหตุการณ์ อะไรสำคัญควรทำก่อน อะไรที่สำคัญรองลงมา และสามารถทำได้ในช่วงเวลาถัดมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถทำอะไรไปตามแผนการของคุณได้ แถมการบริหารเวลาของคุณก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย