บริหารเวลาทำงาน

การบริหารเวลาแบบมืออาชีพ อยากเป๊ะต้องรู้

การบริหารเวลาแบบมืออาชีพ อยากเป๊ะต้องรู้

การบริหารจัดการเวลาที่มีอยู่ 24 ชั่วโมงให้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด สำคัญต่อการเติบโตในหน้าที่การงานและเพิ่มอัตราการแข่งขันทาง ธุรกิจ หากไม่สามารถบริหารจัดการเวลาได้ ก็เท่ากับเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คู่แข่งทางธุรกิจหรือสายงานเติบโตได้มากกว่าไปด้วย

วิธีบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพแบบมืออาชีพ

1. วางแผนและลำดับความสำคัญ

งานแต่ละชิ้นจะมีความจำเป็นและความเร่งด่วนไม่เท่ากัน รวมถึงการใช้เวลาในการทำงานให้เสร็จแตกต่างกันไปด้วย งานบางอย่างต้องทำเป็นกิจวัตร ไม่มีความเร่งด่วน เช่น งานเอกสาร การทำบัญชีสรุปรายเดือน แต่งานบางอย่างจะต้องเร่งทำให้เสร็จ เช่น การติดต่อลูกค้าคนสำคัญ การคิดนโยบายแก้ไขสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ดังนั้น ในแต่ละวันต้องมีการวางแผนว่าต้องทำงานใดก่อนหรือหลังให้ลงตัวที่สุด

2. การรู้จักปฏิเสธ

คุณอาจเคยเห็นเพื่อนร่วมงานบางรายที่รับงานคนอื่นมาทำ ทั้งที่งานตัวเองก็ยังไม่เสร็จ เพียงเพราะว่าเกรงใจที่มาร้องขอความช่วยเหลือ หรือคนที่รับปากกับเพื่อนว่าจะไปสังสรรค์ แทนที่จะปฏิเสธเพราะงานยังไม่เสร็จ การรู้จักปฏิเสธเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้คุณใช้เวลาของตัวเองในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้ดีขึ้น ทำให้คุณก้าวสู่การเป็นมืออาชีพในสายงานที่ทำมากยิ่งขึ้น

3. การเน้นคุณภาพของงาน

การหยุดใช้สื่อโซเชียลสำคัญต่อการเพิ่มคุณภาพงาน ผู้ที่ต้องตัดสินใจหรือทำงานชิ้นที่สำคัญ ต้องการให้มีผลงานดี ไม่มีปัญหาแก้ไข ควรตัดสิ่งรบกวน เช่น ปิดโทรศัพท์มือถือ หยุดการเช็คอีเมลชั่วคราว เปลี่ยนเวลาตอบแชท line หรือ Facebook ไปช่วงเวลาพักหลังเลิกงาน จะทำให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้ามากที่สุด คุณภาพของงานจะสูงขึ้นจากการมีความคิดที่ต่อเนื่องไม่มีสิ่งรบกวน หากทำเช่นนี้ได้เป็นประจำก็จะทำให้แต่ละวันได้ปริมาณงานที่มากขึ้นด้วย

4. การมีเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจน

คนที่มีความมุ่งมั่นในชีวิต ต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนให้เพิ่มเงินเดือนหรือเลื่อนสู่ตำแหน่งสูงยิ่งขึ้น เช่น จากพนักงานประจำธรรมดา ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับล่าง กลาง บน โดยกำหนดระยะเวลา 3-5 ปี ที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้มีวินัยในการบริหารเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าว หากคุณทำงานแบบไม่มีเป้าหมาย จะทำให้มีความเบื่อหน่าย ท้อแท้ต่ออุปสรรค และขาดการวางแผนการใช้เวลาที่ดี

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาอย่างมืออาชีพ ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องมีการวางแผน ลำดับความสำคัญของาน ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิตจากการทำงานวันต่อวัน ให้เป็นการมุ่งสู่ความสำเร็จที่มีเป้าหมายชัดเจน เราหวังว่า บทความนี้จะทำให้ทุกท่านได้แนวคิดและนำไปปรับใช้กับการจัดการกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะด้านการงานมากขึ้น

วิธีการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องของเวลา

วิธีบริหารเวลาขั้นเทพ 2019 ทำอย่างไรให้คุ้มค่า

วิธีบริหารเวลาขั้นเทพ 2019 ทำอย่างไรให้คุ้มค่า

ในแต่ละวันเรามีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ การ บริหารเวลา ที่มีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน จึงส่งผลต่อระดับการประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งด้านการงาน การเงิน และชีวิตส่วนตัว การบริหารเวลาที่ลงตัว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้สูง ไม่ว่าจะอยู่ในวัยเรียนหรือทำงาน

เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพที่ทุกท่านสามารถนำไปใช้ได้ มาฝากกัน ดังนี้

1. ใส่ใจเฉพาะเรื่องสำคัญ มองข้ามเรื่องหยุมหยิมบ้าง

การใส่ใจในทุกเรื่องและทุกรายละเอียด จะทำให้เสียเวลาที่มีคุณค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ที่เห็นได้ชัดคือ การเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ผู้บริหารส่วนมากจะเลือกเสื้อผ้าแบบเดียวกัน เป็นสูทเข้มและเสื้อเชิ้ตสีพื้น ที่ทำให้ไม่ต้องเลือกมากในการแต่งกาย แม้แต่ผู้บริหารชั้นนำรุ่นใหม่ อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ใช้เสื้อยืดสีพื้นใส่คู่กับกางเกงยีนส์ในการทำงานทุกวัน ทั้งนี้ เพราะคนเหล่านี้เลือกใช้เวลาไปกับเรื่องที่สามารถสร้างรายได้หรือทำให้มีการเติบโตทางธุรกิจมากกว่า การเลือกเสื้อผ้าในชีวิตประจำวันนั่นเอง

2. มีการวางแผนตารางเวลาและวิเคราะห์จุดอ่อนสม่ำเสมอ

นอกจากนักบริหารที่ต้องมีตารางเวลาเคร่งครัดแล้ว ผู้ที่ทำงานด้านวงการบันเทิงอย่างดาราฮอลลีวู้ด พิธีกร youtuber ชื่อดังจำนวนมาก จะมีตารางเวลาที่กำหนดไว้ เช่น การออกกำลังกายในช่วงเช้าก่อนการไปทำงาน เพื่อทำให้รูปร่างสวยงามสมส่วน และทำให้อารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ และหากทำไม่ได้ตามเป้าหมายในตาราง ก็จะทำการวิเคราะห์ตัวเองว่าเกิดจากจุดด้อยอย่างไร เพื่อทำการแก้ไขโดยเร่งด่วน จะทำให้การบริหารเวลาในวันต่อไปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

3. ลำดับความสัมพันธ์ให้เป็นแบบมืออาชีพ

งานแต่ละชิ้นจะมีความสำคัญและการเร่งด่วนไม่เท่ากัน งานบางอย่างยังต้องใช้พลังความคิด ใช้แรงงานในการปฏิบัติ หรือต้องประสานงานกับบุคคลต่าง ๆ ในวงการธุรกิจ เช่น ลูกค้า แผนกกฎหมาย ฝ่ายบุคคล ฯลฯ ซึ่งล้วนต้องใช้ทักษะและเวลาไม่เท่ากัน ผู้ที่ประสบความสำเร็จในทุกวงการ มักเลือกงานที่สำคัญมากที่สุดและต้องใช้พลังกายและใจมากที่สุด ทำให้สำเร็จเป็นอันดับต้น ๆ ของวัน เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนมาอย่างเต็มที่ตลอดคืน จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการคิดได้อย่างโลดแล่น มองการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ส่วนงานที่สำคัญน้อยกว่าจะทำในช่วงบ่ายหรือตอนเย็น หรือยกให้ผู้อื่นช่วยประสานงานแทน

จะเห็นได้ว่า เทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพที่ยกตัวอย่างมา เป็นสิ่งที่เราทุกคนนำไปใช้ได้ในทุกสาขาอาชีพ ขอเพียงมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในทุกด้าน ก็ย่อมทำให้การบริหารเวลามีประสิทธิภาพ สามารถใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพ

เรื่องของเวลา

เคล็ดลับ บริหารเวลา ใช้เวลาช่วงเย็นอย่างมีคุณภาพ

วิธีการแก้ปัญหา การบริหารเวลาสำหรับพ่อแม่

สังคมทุกวันนี้ครอบครัวในเมืองใหญ่มีเวลาให้กันน้อยลง ทุกคนรีบเร่งออกไปทำงานและไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า ตอนเย็นฝ่ารถติดกลับมาต่างก็เหนื่อยล้า โอกาสจะชวนกันคุยหรือหากิจกรรมทำด้วยกันน้อยลง ยิ่งเด็กสมัยนี้ติดโทรศัพท์มือถือ เล่นเกมและแชทกับเพื่อน ๆ ไม่สนใจสิ่งอื่น เวลาของครอบครัวยิ่งเหลือน้อยนิด ทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้น วิธีการแก้ปัญหาคือพ่อแม่ควรริเริ่มบริหารเวลาช่วงบ่ายหลังจากโรงเรียนเลิก มองหาเคล็ดลับบางอย่างเป็นช่วยให้จัดการเวลาแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ มีคำแนะนำที่คุณทำได้มาฝากกันดังนี้

วิธีการแก้ปัญหา การบริหารเวลาสำหรับพ่อแม่

วางแผนปฏิทินครอบครัวร่วมกัน

ภายในเวลากว่า 3-6 ชั่วโมงก่อนนอนมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ รวมถึงเรียนพิเศษ ฝึกซ้อมกีฬา ทำการบ้าน ไปจนถึงอาหารเย็น การบริหารเวลาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำให้ง่ายได้ ด้วยการวางแผนตารางเวลาครอบครัวให้เหลือกับการทำงาน เพียงจดบันทึกบนปฏิทินว่าวันไหนเด็ก ๆ มีกิจกรรมพิเศษอะไรบ้าง ช่วยให้ง่ายต่อการจัดระเบียบกิจวัตรประจำวัน รู้เวลาที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าหลังเลิกเรียนในแต่ละวันเพื่อวางแผนใช้เวลากับลูก ๆ อย่างมีคุณภาพ แม้มีเวลาจำกัด แต่ก็ทำให้เกิดประโยชน์ได้

มอบหมายงานบ้านให้ลูกรับผิดชอบ

พ่อแม่ต่างมีภาระหน้าที่หลายอย่าง ลองมอบหมายภารกิจให้ลูก ๆ ทำคนละอย่างช่วยเบาแรงพ่อแม่ได้ การแบ่งงานควรเลือกให้เหมาะสมกับวัย ความถนัด และความพอใจของแต่ละคน เริ่มต้นด้วยสิ่งง่าย ๆ เช่น ตารางทิ้งขยะ เก็บพับผ้า เด็กหลายคนชอบมีส่วนร่วมในกิจวัตรประจำวันของครอบครัว แทนที่กลับบ้านมาแล้วต่างคนแยกไปอยู่ลำพัง ทุกคนกลับมารวมกันทำอาหารหรือช่วยทำความสะอาด ทำให้งานบ้านที่ดูน่าเบื่อกลับเป็นดูน่าสนุก ส่วนใหญ่เด็ก ๆ ที่ช่วยทำงานบ้านมักจะฝึกความรับผิดชอบและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ

บริหารเวลาใช้สมาร์ทโฟนอย่างเหมาะสม

การซื้อโทรศัพท์มือถือให้เด็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยหากสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเช่น การแชร์รายการของชำให้กัน เด็กอาจส่งข้อความเตือนพ่อแม่ว่าซอสมะเขือเทศใกล้หมดแล้ว ขณะเดียวกันพ่อแม่ควรใช้แอปพลิเคชั่นจำกัดเวลาใช้สมาร์ทโฟนของเด็กแต่ละคน รวมถึงช่วงเวลาไหนไม่ควรเล่นมือถือ เช่น ระหว่างกินมื้อเย็นด้วยกัน เพื่อให้อุปกรณ์ดิจิทัลสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่าต่างคนก้มหน้าดูแต่โทรศัพท์ของตนเอง

เตรียมอาหารมื้อเย็นแบบง่าย ๆ

ไม่ว่ามื้อเย็นจะเป็นอาหารสำเร็จรูปหรือเข้าครัวทำเอง ควรเตรียมพร้อมให้เสร็จในครึ่งชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น เพื่อให้ครอบครัวมีเวลานั่งรับประทานมื้อเย็นด้วยกันนานขึ้น ได้พูดคุยกันมากขึ้น หากเลือกเมนูที่มีขั้นตอนยุ่งยาก ยิ่งใช้เวลาทำอาหารมากเท่าไร เวลาปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวยิ่งลดน้อยลง หรือถ้าเลือกสั่งซื้อกลับบ้าน พ่อแม่สามารถประหยัดเวลาด้วยการใช้แอปพลิเคชันสั่งซื้ออาหารล่วงหน้าได้เสมอ

เปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์

การซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตมีข้อดีทั้งเรื่องความสะดวกและประหยัดเวลา อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายจัดส่งเล็กน้อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเวลา แทนที่หลังเลิกงานจะออกไปจับจ่ายซื้อของใช้บ้าน เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำมันพืช ยาสีฟัน กระดาษชำระ ในปัจจุบันมีร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งให้บริการสั่งซื้อออนไลน์และส่งให้ถึงบ้าน ประหยัดเวลาและไม่สิ้นเปลืองค่าน้ำมันรถด้วย

นอกจากนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ยังเป็นโอกาสให้วางแผนทำกิจกรรมในบ้านและนอกบ้านด้วยกัน ชมภาพยนตร์ เล่นเกม ขี่จักรยาน เล่นกีฬา ปลูกต้นไม้ งานอดิเรกต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้พ่อแม่ลูกพูดคุยและใกล้ชิดกันมากขึ้น

เคล็ดลับ บริหารเวลา ใช้เวลาช่วงเย็นอย่างมีคุณภาพ

บริหารเวลาทำงาน

ทักษะบริหารเวลาของคนทำงานมืออาชีพ

ทักษะบริหารเวลาของคนทำงานมืออาชีพ

ทุกคนรู้ว่าเวลาเป็นทรัพย์สินที่สำคัญ เมื่อเวลาคือทุนอย่างหนึ่ง การปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ก็เท่ากับสูญเสียเงินไปนั่นเอง การทำงานอย่างมืออาชีพไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานหรืออยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจก็ตาม ถ้าสามารถจัดการบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นธุรกิจจะเกิดประโยชน์มาก เช่น ตั้งใจทำงานให้เสร็จเร็วเพื่อที่จะมีเวลาไปแสวงหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนและพัฒนาการเงินให้ดีขึ้น คนที่บริหารเวลาได้ดีจะมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

มาดูกันว่า 4 ทักษะการบริหารเวลาอย่างมืออาชีพทำได้อย่างไรบ้าง

1.เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบวันและเวลา บันทึกว่าใช้เวลาแต่ละวันไปอย่างไร กิจกรรมแต่ละอย่างใช้เวลาเท่าไร เมื่อเห็นว่าวันหนึ่งเสียเวลาเปล่าประโยชน์ไปกับอะไรบ้าง จากนั้นคุณต้องตั้งใจแน่วแน่กับสิ่งที่ทำและใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า หากคุณยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ลองเริ่มจากการเช็คอีเมลก่อน หากคุณมักจะคอยเช็คอีเมลตลอดทั้งวัน ไม่เพียงเสียเวลาอย่างเดียว แต่ยังทำให้เสียสมาธิ ไม่จดจ่อกับงานที่ทำ ควรวางแผนว่าจะเช็คอีเมลและแชทตอบในช่วงเวลาใดบ้าง ความจริงแล้วคุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ เช็คอีเมลในช่วงเดินทางหรือระหว่างรออะไรเป็นเวลานาน เป็นการใช้เวลาได้คุ้มค่าที่สุด

2.โดยปกติการทำงานหลายอย่างพร้อมกันทำให้ขาดโฟกัสและมีโอกาสผิดพลาดง่าย ควรมุ่งเน้นไปที่ภารกิจเดียวและทำตามความสามารถของคุณให้ดีที่สุด แต่เพราะธุรกิจมีองค์ประกอบมากมาย ถ้าไม่ต้องการจ้างคนจำนวนมากมาทำงานแต่ละหน้าที่ ผู้ประกอบการมีทางเลือกคือใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อช่วยประหยัดเวลา ทุกวันนี้มีโปรแกรมมากมายช่วยสร้างระบบทำบัญชีอัตโนมัติ เช่น โปรแกรมขายหน้าร้าน POS ทำงานได้หลายอย่าง ช่วยให้เก็บเงินได้รวดเร็ว เก็บข้อมูลการขาย นับสต๊อกสินค้าคงเหลือ ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงิน คุณสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ตัวเองทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น ช่วยให้การทำงานสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถประหยัดเวลาและลดความเครียดได้ด้วย

3.หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เสียสมาธิ ดูว่าแต่ละวันมีกิจกรรมอะไรทำให้เสียสมาธิบ้าง นอกจากเช็คอีเมลแล้ว ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ยังเสียเวลาการทำงานไปกับการเล่นเฟซบุ๊ก, โซเชียลมีเดีย และท่องอินเทอร์เน็ต เรื่องเหล่านี้สามารถเช็คนอกเวลางานได้อย่างง่ายดาย หากเป็นไปได้ ควรปิดแชทเฟซบุ๊ก หรือแม้แต่ปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้มีสมาธิและทำงานประจำวันให้เสร็จอย่างรวดเร็ว

4.จัดลำดับความสำคัญสิ่งที่คุณต้องทำให้สำเร็จก่อน โดยตัดสินใจว่าอะไรที่สำคัญเป็นอันดับแรก อะไรที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนแล้วตั้งใจทำภารกิจนั้นให้สำเร็จก่อน นักธุรกิจควรมุ่งเน้นไปในสิ่งที่สร้างรายได้และผลตอบแทนเป็นหลัก ขจัดงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนออกไปจะช่วยให้ทำงานเร็วและเพิ่มผลลัพธ์ความสำเร็จมากขึ้น

การวางแผนตารางเวลามีความสำคัญทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้ทำงานสำเร็จไปทีละอย่างได้อย่างเหมาะสม ทำให้สามารถจัดการบริหารเวลาได้ดีขึ้นด้วย

4 ทักษะการบริหารเวลาอย่างมืออาชีพทำได้อย่างไร

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคบริหารเวลาสำหรับพนักงานออฟฟิศ

การทำงานประจำแบบ พนักงานออฟฟิศ จะต้องมีการบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายประสบความสำเร็จ ทำได้ตามเป้าหมายในแต่ละวัน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ อีกทั้งยังทำให้องค์กรเติบโตได้ในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาสำหรับพนักงานออฟฟิศมาฝากกัน สำหรับให้ทุกท่านนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

เทคนิคจะช่วยให้ท่านสามารถบริหารเวลาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

1. เลือกเวลาออกเดินทางให้เร็วกว่าปกติ เพื่อไปถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่ หลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติดที่ทำให้คุณต้องเสียอารมณ์และทำให้เสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ การไปถึงที่ทำงานแต่เช้า ทำให้คุณมีเวลาในการรับประทานมื้อเช้าและเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะรับมือกับงานที่ต้องทำในแต่ละวันได้ ด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งยิ่งขึ้น

2. ใช้ตาราง Excel หรือสมุดไดอารี่ ในการบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาเช้าถึงเย็น แบ่งเป็นทุก ๆ ชั่วโมง ซึ่งกำหนดลงในตารางว่าจะต้องทำอะไร ประสานงานกับใครบ้าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างรวดเร็วเมื่อถึงกำหนดเวลาที่วางแผนไว้ ซึ่งมีผลดีคือ ทำให้จิตใจไม่วอกแวกไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่น การคุยไลน์ การเล่น Facebook หรือ Instagram ในระหว่างเวลาทำงาน

3. ใส่ใจสิ่งแวดล้อมบนโต๊ะทำงาน เช่น การจัดแฟ้มเอกสารให้เป็นระเบียบ การเก็บเครื่องเขียนในลิ้นชักให้เรียบร้อย เพราะจะช่วยให้รู้สึกอยากทำงานมากขึ้น และทำให้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอกสารหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ

4. เมื่อถึงเวลาทำงานตามแผน ต้องทำทันที อย่าคิดผัดวันประกันพรุ่ง แม้จะรู้สึกเหนื่อยหน่าย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้งานสำเร็จได้แล้ว ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการใช้เวลาทั้งวันที่เหลือไปด้วย

5. เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ของอุปกรณ์ไอทีเสมอ เช่น หากคุณทำงานเกี่ยวกับการทำคอมพิวเตอร์กราฟิก ก็ควรศึกษาเทคนิคใหม่ ๆ ในการวาดรูปหรือออกแบบให้ได้ผลสำเร็จที่รวดเร็วและสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีในการทำงานให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว และทำให้ได้ผลงานที่ถูกใจเจ้านายมากยิ่งขึ้นด้วย

6. เมื่อเครียดให้ใช้การผ่อนคลาย ด้วยการฟังเพลงเบา ๆ ระหว่างทำงาน แทนการชวนเพื่อนร่วมงานคุย หรือไปอยู่ในห้องพักเบรกนาน ๆ เพราะจะทำให้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนมากเกินไป จนทำให้ตารางงานที่ตั้งใจไว้ไม่สำเร็จได้

7. ให้คำแนะนำแทนการลงมือช่วยเหลือด้วยตนเอง เมื่อมีลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานมาขอความช่วยเหลือในขณะที่ยังมีภาระติดพันกับการทำงานที่สำคัญและเร่งด่วน ควรปฏิเสธไป และให้คำแนะนำเป็นวิธีสืบค้นหาคำตอบ แทนการสอนโดยตรง

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาที่แนะนำมาทั้ง 7 ข้อนั้น เป็นสิ่งที่พนักงานออฟฟิศสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อให้การใช้เวลาในแต่ละวันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และได้ผลงานที่ถูกต้องตามมาตรฐานของงาน ทำให้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานมากยิ่งขึ้น

เทคนิคบริหารเวลาสำหรับพนักงานออฟฟิศ

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคการบริหารเวลางานให้ลงตัว รับมืองานหนัก ๆ ได้ดี

การวางแผนงานจะช่วยให้คุณรู้ว่าในแต่ละวันมีหน้าที่การงานใดบ้าง

หน้าที่การงานของแต่ละคนมักมีความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ยิ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่การงานใหญ่โต หรือประกอบธุรกิจเป็นของตนเอง หน้าที่การงานเหล่านี้ก็ยิ่งมีรายละเอียดวุ่นวายมากขึ้นไปด้วย จำเป็นต้องอาศัยวิธีการบริหารเวลาที่ดี เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตให้มีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการบริหารเวลาดังต่อไปนี้
การวางแผนงานในแต่ละวัน การวางแผนงานจะช่วยให้คุณรู้ว่าในแต่ละวันมีหน้าที่การงานใดบ้างที่จะต้องทำให้สำเร็จในชีวิต ในวันนั้น ๆ มีงานด่วนที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จก่อนหรือไม่ ยิ่งในกรณีที่มีหน้าการงานหลายด้าน การวางแผนที่ดีจะช่วยให้ทราบว่าต้องจัดสรรเวลาอย่างไรให้เกิดความสำเร็จอีกด้วย

เผื่อเวลาสำหรับงานด่วนเอาไว้บ้าง ในบางกรณีแม้ว่าจะวางแผนงานเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็มีโอกาสที่จะมีงานด่วนเข้ามาแทรกในระหว่างวันได้ ดังนั้นการวางแผนงานจึงควรเผื่อเวลาสำหรับงานด่วนเอาไว้บ้าง แต่หากเผื่อแล้วไม่ได้ใช้ก็สามารถเร่งงานของวันพรุ่งนี้มาทำให้เสร็จเผื่อเอาไว้เลยก็ได้

ทบทวนว่ามีกิจกรรมใด ๆ ที่เกินความจำเป็นหรือไม่ บางครั้งคนเราก็อาจเสียเวลาไปกับกิจกรรมที่ไม่จำเป็นได้ ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดเวลาทำงานในแต่ละวันควรพิจารณาทบทวนอีกครั้งว่าในวันนั้น ๆ คุณได้ทำกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่จำเป็นแต่เสียเวลาไปมากหรือไม่ เพื่อนำมาปรับให้เหมาะสมกับแผนงานในแต่ละวันอีกครั้ง หรือหาทางรับมือเพื่อลดเวลาในการดำเนินกิจกรรมที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเวลานั่นเอง

จัดสรรเวลาในคนสำคัญบ้าง การมุ่งมั่นแต่หน้าที่การงานเพียงอย่างเดียวอาจส่งผลให้หลงลืมคนสำคัญในชีวิตไปเสียบ้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก ลูกหลาน หรือเพื่อนฝูง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ย่อมส่งผลให้เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้ จึงควรจัดการบริหารเวลาเพื่อคนสำคัญเหล่านี้บ้าง การทำกิจกรรมร่วมกับคนสำคัญยังช่วยบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ห้ามนำอารมณ์มาใช้ในการทำงาน การทำงานใด ๆ ก็ตามอย่านำอารมณ์มาเป็นตัวตัดสินพิจารณาให้ความสำคัญ เพราะจะส่งผลให้การบริหารเวลาไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้งานไม่เดินไปในแนวทางที่ดีได้ และอาจกลายเป็นภาวะเครียดสะสมได้อีกด้วย เพราะไม่สามารถระงับอารมณ์และผ่อนคลายความเครียดในระหว่างการทำงานได้

มนุษย์เราทุก ๆ คนล้วนมีเวลาในแต่ละวันเท่า ๆ กัน แต่ความสำเร็จในชีวิตจะเกิดขึ้นได้จริงกับผู้ที่สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะพวกเขาเหล่านั้นสามารถรับมือกับงานหนัก ๆ ได้ดี มีความพร้อมที่จะเกิดความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด

เทคนิคการบริหารเวลางานให้ลงตัว รับมืองานหนัก ๆ ได้ดี

เรื่องของเวลา

เคล็ดลับการบริหารเวลาเพื่อความสมดุลของชีวิตและการทำงาน

การบริหารเวลาเป็นหนึ่งในทักษะการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด หากแบ่งเวลาไม่เป็น ชีวิตแต่ละวันคงยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าสิ่งใดสำคัญ สิ่งใดควรทำให้เสร็จก่อน คนที่มีเป้าหมายการทำงานและเตรียมตัวสู่อนาคตที่ดีควรจริงจังกับเวลา ไม่สิ้นเปลืองนาทีอันมีค่าไปกับเรื่องยิบย่อย เคล็ดลับการจัดการกับเวลามีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเป้าหมายแบบไหน มีอะไรเป็นอุปสรรค นิสัยเสียที่ต้องเลิก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตลอดเวลาเท่านั้น แต่การบริหารเวลาส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิต ทุกกิจวัตรประจำวันเสร็จเรียบร้อยโดยไม่รู้สึกว่าทำงานหนักเกินไป ทั้งยังมีเวลาพักผ่อนเต็มเปี่ยมและมีสุขภาพดี สูตรสำเร็จการบริหารเวลามีดังนี้

1.ตั้งเป้าหมายและสร้างวินัย ก่อนอื่นต้องกำหนดเป้าหมายกิจวัตรในแต่ละวัน จัดตารางเวลาที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น วันที่มีภารกิจสำคัญอาจจะต้องให้เวลากับงานมาก ลดกิจกรรมการออกกำลังกายและอ่านหนังสือ

2.ลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ตั้งเป้าหมายอย่างถูกต้องแล้วเริ่มต้นวันใหม่ตามตารางเวลาอย่างมีวินัย การบริหารเวลานั้นไม่มีสูตรตายตัว แต่ละคนต้องทบทวนช่วงสิ้นสุดวันว่าบรรลุเป้าหมายหรือไม่ มีอะไรที่ยังไม่เสร็จและมีความจำเป็นเร่งด่วนในรายการสิ่งที่ต้องทำในวันต่อไป

3.ประเมินผลในรอบสัปดาห์ โดยจดบันทึกทุกสิ่งที่ต้องทำลงในสมุดบันทึกหรือโทรศัพท์ แบ่งเวลาเป็นช่วง ๆ ดูว่าในแต่ละชั่วโมงใช้เวลาอย่างไร เสียเวลาไปกับอะไร จากนั้นนับจำนวนเวลาที่สิ้นเปลืองไปอย่างไม่สมเหตุสมผล ช่วยให้กำจัดนิสัยไม่ดี เช่น เล่นเกม, ท่องโซเชียลมีเดีย ออกไปดื่มกับเพื่อนบ่อย ๆ ประเมินอย่างตรงไปตรงมาว่าเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้มากขนาดไหน ปรับตารางสิ่งที่ต้องทำใหม่ช่วยให้จัดการกับเวลาโดยรวมดีขึ้น

4.วางแผนสิ่งที่ต้องทำในสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะภารกิจสำคัญที่สุดในแต่ละวันควรทำให้เสร็จในช่วงเช้า

5.นั่งสมาธิและออกกำลังกายทุกเช้า ช่วยรักษาสมดุลของสภาพร่างกายและจิตใจ คุณอาจสงสัยว่าจะช่วยให้จัดการเวลาดีขึ้นได้อย่างไร ความจริงแล้วส่งผลดีการนั่งสมาธิทำให้ผ่อนคลาย จิตใจแข็งแกร่ง ส่วนคนที่ออกกำลังกายตอนเช้าเป็นประจำทำให้ร่างกายมีพลัง สมาธิดี สมองจดจำแม่นยำ สามารถจัดการกับงานที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น

6.หยุดพักบ้าง ควรทำงาน 1 ชั่วโมงแล้วหยุดพัก 15 นาที หรือปรับให้เหมาะสมเพื่อรักษาสภาพจิตใจและอารมณ์ให้ผ่อนคลาย ลดความเครียดได้และมีพลังทำงานต่ออย่างเต็มประสิทธิภาพ

เคล็ดลับการจัดการกับเวลามีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเป้าหมายแบบไหน มีอะไรเป็นอุปสรรค นิสัยเสียที่ต้องเลิก ชีวิตคนเรานั้นมีความไม่แน่นอน การบริหารเวลาที่ดีจะช่วยให้ไม่ทุ่มเทส่วนใหญ่ทำงานหนักทั้งชีวิต แต่ยังได้ทำในสิ่งชอบด้วย มีเวลาดูหนัง ฟังเพลงโปรด เดินเล่นในสวนสาธารณะ เพียงเริ่มวางแผนเป็นประจำทุกวัน การบริหารเวลาก็จะกลายเป็นนิสัย สามารถจัดการกับเวลาได้ง่ายกว่าที่คิด

ตั้งเป้าหมายและสร้างวินัย

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาอย่างไรให้ทำงานทันส่งเจ้านาย

บริหารเวลาอย่างไรให้ทำงานทันส่งเจ้านาย

การบริหารเวลาในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะมีผลโดยตรงต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานตลอดจนผลการประเมินศักยภาพบุคคลในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ตลอดจนมีผลต่อทัศนคติของเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะการทำงานเป็นทีม ถ้าคุณมีพฤติกรรมส่งงานไม่ทันบ่อย ๆ ก็จะสร้างความเสียหายทั้งต่อตนเองและส่วนรวมได้

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาให้ส่งเจ้านายทัน มาฝากกัน เพื่อให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนี้

1. วางแผนการทำงานล่วงหน้า

คุณควรจะมีแผนระยะสั้นกลางยาวสำหรับแต่ละ Project เพื่อให้กำหนดตารางการทำงานในแต่ละวันได้อย่างมีแบบแผนชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ต้องลำดับตามความสำคัญและเร่งด่วนของงานอยู่เสมอ เพื่อให้คุณสามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้นในแต่ละวัน

คำแนะนำเพิ่มเติม: คุณสามารถใช้เวลาวันละ 10-15 นาทีก่อนนอนในการวางแผนและทบทวนสิ่งที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ หากไม่ เกิดจากสาเหตุใด จะได้รีบปรับแก้ไข ไม่ทำให้งานเกิดการชนกันหรือคั่งค้างในภายหลัง

2. ปิดการสื่อสารระหว่างทำงาน

หากต้องการให้มีสมาธิจดจ่อกับการทำงานให้มากขึ้น ควรปิดเครื่องมือสื่อสารที่ไม่จำเป็น เช่น ไม่รับสายโทรศัพท์ งดตอบ line ไม่แชทในเพจ ไม่เช็คอีเมล์ ฯลฯ จนกว่าจะถึงเวลาที่คุณตั้งเวลาไว้ ซึ่งจะทำให้มีจิตใจจดจ่อกับงานได้ดีขึ้น

เมื่อมีสมาธิมากขึ้น งานที่ทำจะผิดพลาดลดลง งานเสร็จไวขึ้น ทำให้คุณเคลียร์งานได้รวดเร็วกว่าเดิม อาจส่งงานได้ก่อนกำหนดและเหลือเวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ชื่นชอบได้อีกมาก

3. เตรียมอาหารมารับประทานในออฟฟิศ

การเตรียมอาหารกลางวันมารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ทำเองหรือซื้อมา ก็ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาขับรถออกไปรับประทานที่ร้าน ซึ่งต้องรอคิวเป็นเวลานาน เนื่องจากพนักงานออฟฟิศมันจะพักเที่ยงพร้อมกัน และเสียเวลาในการเดินทางกลับ แทนที่จะได้งีบกลางวันเพื่อผ่อนคลายความเครียดและทำให้สมองโล่งพร้อมทำงานตอนบ่าย

4. รู้จักปฏิเสธบ้าง

ถ้ามีเพื่อนมาชวนไปท่องเที่ยวหรือดูหนังฟังเพลง แล้วคุณมีงานค้างอยู่ ก็ต้องพิจารณาว่าสิ่งใดสำคัญและเร่งด่วนมากกว่ากัน หากจำเป็นต้องรีบส่งงานอย่างเร่งด่วน ก็ต้องกล้าที่จะพูดปฏิเสธเพื่อนบ้าง เพื่อทำให้คุณมีเวลาที่จะสะสางโดยเร็ว แล้วค่อยตามไปทีหลัง หรือนัดชดเชยในวันถัดไปแทน

จะเห็นได้ว่า เทคนิคการบริหารเวลาที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่คุณสามารถที่จะฝึกฝนและปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ หากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอย่อมทำงานเสร็จทันตามกำหนดเจ้านายอย่างแน่นอน

รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลา

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

แต่ละวันคนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่มีคนจำนวนน้อยที่จะสามารถทำกิจกรรม ทั้งการงาน เล่นกีฬาและเรื่องส่วนตัวได้หลายอย่างในวันเดียวอย่างครบถ้วน

ในวันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพมาฝากกัน เพื่อให้ทุกท่านใช้เวลาอย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้นและมีเวลาเหลือมากขึ้นด้วย ดังนี้

1. การตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องคิดตัดสินใจออกไป เช่น การเลือกใช้เสื้อผ้าแบบคล้ายกัน เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลาในการเลือกชุดทำงาน บุคคลตัวอย่างที่สำคัญคือ มาร์คซัคเคอร์เบิร์ก และ Steve Jobs ที่มีผู้สังเกตพบว่า เขานิยมใส่ชุดเรียบง่ายทุกวัน เป็นลักษณะของเสื้อยืด สีเทา ขาว หรือดำ และกางเกงยีนส์สีเรียบที่ไม่เป็นจุดเด่น ซึ่งเรียกว่าเป็นชุดที่สวมใส่สบายเรียบง่ายตลอดทั้งปี เนื่องจากว่าบุคคลเหล่านี้อยากทุ่มเทเวลาและกำลังความคิดให้กับเรื่องอื่นมากกว่าการต้องตัดสินใจเลือกเสื้อผ้าในแต่ละวัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็นในชีวิตของเขาเหล่านั้น

2. การมีตารางเวลากิจกรรมในแต่ละวันชัดเจนตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเวลาเข้านอน โดยส่วนใหญ่ ผู้ที่เป็นนักบริหารหรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จะมีกำหนดตารางเวลาในแต่ละวันที่ชัดเจนและมักเลือกเวลาตอนเช้าสำหรับการออกกำลังกาย วันละครึ่งถึง 1 ชั่วโมงร่วมกับการนั่งสมาธิหรือทำกิจกรรมผ่อนคลาย เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง ก่อนที่จะเตรียมตัวทำงาน เข้าประชุมหรือติดต่อธุรกิจค้าขาย ฯลฯ และเมื่อกลับถึงบ้านในเวลาก่อนนอนก็จะทำการวางแผนสำหรับกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น เพื่อให้มีเป้าหมายในใช้ชีวิตแต่ละวันที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

3. ช่วงก่อนนอนเป็นเวลาเสริมอาหารสมองด้วยหนังสือดี ๆ ที่ให้ความรู้ แนวคิดที่น่าสนใจและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าการเลือกประเภทหนังสือที่อ่านก่อนนอนที่เหมาะสม จะช่วยให้ได้ประโยชน์ทั้งความรู้สำหรับนำไปปรับใช้กับการทำงาน และทำให้หลับลึกได้โดยไม่ต้องใช้ยานอนหลับด้วย

4. เลือกคุยกับคนที่น่าสนใจ กล่าวคือ การให้เวลากับผู้ที่มีความคิดแปลกใหม่ที่มีประโยชน์ต่อสังคม ผู้ที่มีแนวคิดน่าสนใจในการดำเนินธุรกิจ ผู้ที่คิดนอกกรอบ ฯลฯ เพราะจะทำให้เวลาที่เสียไปมีคุณค่า สามารถนำความรู้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์มาปรับใช้กับการทำธุรกิจหรือชีวิตประจำวันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาให้มีคุณภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน ทำให้แต่ละวันมีความหมายมากขึ้น สามารถทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จหลายด้านพร้อม ๆ กัน ขณะเดียวกัน ก็ยังทำให้มีเวลาเหลือให้แก่บุคคลในครอบครัวมากขึ้น รวมถึงเวลาสำหรับการออกกำลังกายเป็นประจำและการทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสังคมด้วย

การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องของเวลา

เทคนิคการบริหารเวลา

การบริหารเวลา

คุณมักจะบอกกับตัวเองและคนรอบข้างว่า “ไม่มีเวลา” แล้วอีกกี่ครั้งที่คุณต้องนั่งหายใจทิ้ง และปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ความจริงเวลานั้นมีเท่ากันทุกวัน แต่คุณกลับใช้มันอย่างไม่มีประโยชน์จนทำให้รู้สึกว่าเวลามันน้อยลงไปทุกวัน และยิ่งคุณปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปเท่าไหร่คุณจะยิ่งกังวลมากขึ้น และจะรู้สึกเสียดายเวลาที่หายไป ซึ่งเคล็ดลับการบริหารเวลานั้นไม่ยากเลย เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวคุณเอง และปฎิบัติตามอย่างเคร่งคัด โดยเริ่มจากการ

1. จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน

คุณควรสำรวจตัวเองก่อนว่าในแต่ละวันคุณต้องทำอะไรบ้าง และใช้เวลาในการทำสิ่ง ๆ นั้นเท่าไหร่ และลองทำตามที่คุณจดบันทึกไว้ให้ได้ และพิจารณาว่าสิ่งที่เราได้ทำไปมันสมดุลกันแล้วหรือยัง ได้เสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอย่าลงทุนไปพนันไปเท่าไหร่ และกี่ครั้งที่เราคอยผลัดมันไปตลอดทุกวัน คุณควรปรับปรุงเวลาของตนเองในเรื่องใดมากขึ้น

2. วางแผนเวลาการทำงานไว้ล่วงหน้า

ในแต่ละวันเราจะต้องทำงานในระยะเวลา 7-8 ชั่วโมง และควรวางแผนการทำงานล่วงหน้าไว้ และจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะต้องทำว่างานไหนสำคัญก็ควรทำงานนั้นก่อน และงานไหนที่มีความยากก็ควรทำงานนั้นก่อน

3. เพิ่มเวลา

ถ้าคุณคิดว่าเวลาที่มีไม่พอสำหรับคุณ คุณก็ควรเพิ่มเวลให้กับตนเอง อย่างเช่นการตื่นเช้ากว่าเดิม หรือมีที่พักอยู่ใกล้ที่ทำงานเพื่อที่จะประหยัดเวลาในการเดินทาง และยิ่งคุณทำงานอยู่ในกรุงเทพ ก็ควรมีที่พักที่ใกล้ที่ทำงานเข้า ยิ่งเดินไปได้ยิ่งดี เพราะเรื่องรถติดที่กรุงเทพนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย

เทคนิคการบริหารเวลา