เรื่องของเวลา

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

ในปัจจุบันมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เราเกิดความสับสนวุ่นวายได้ วันนี้จึงมีเทคนิคการบริหารเวลา ที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิต และมีเวลาว่างมากขึ้น มาดูกันค่ะว่าเทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อยมีอะไรบ้าง

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

1.การทำ list จัดลำดับความสำคัญงาน
การจัดลำดับความสำคัญของงานถือว่ามีความสำคัญ เราสามารถลำดับความสำคัญของงานจากงานที่ด่วน หรือมีความสำคัญที่สุดในเริ่มต้นของวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองโล่ง พร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ ๆ ทำให้เราทำงานออกมาได้ดี และเป็นการช่วยทำงานให้ได้ตามเป้ามากขึ้น

2.พิจารณางานแทรก
เชื่อว่างานแทรกนั้น เกิดขึ้นได้เสมอ และตลอดเวลา ดังนั้นหากมีงานแทรกขึ้นมา ให้พิจารณาถึงความ
เร่งด่วนและมีความสำคัญ หรือสามารถมอบหมายให้ทำแทนได้ เพื่อทำให้เกิดการบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น และทำให้เราไปเร่งรีบจนเกินไป

3.ประเมินและปรับปรุงตารางเวลาให้มีความเหมาะสม
ขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญ ที่ต่อจากทำ list และการพิจารณางานแทรก เพราะจะทำให้เราทราบว่าสิ่งที่เราได้วางแพลนไว้นั้น มีความถูกต้องและใช้ได้หรือไม่ และควรวางแผนการบริหารเวลาต่อไปอย่างไร เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมลงตัว

4.จัดสรรเวลาและกับการพักผ่อนและการออกกำลังกาย
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย ถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการบริหาร เพราะจะนำมาซึ่ง
สุขภาพที่ดี ซึ่งหากเรามีสุขภาพที่ดีแล้วก็จะนำมาซึ่งความสุข และอยากจะกระทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการบริหารจัดการเวลาของเราได้อีกด้วย การพักผ่อนหรือการออกกำลังกายที่เราสามารถทำได้ เช่น การออกเดินทางท่องเที่ยว การอยู่กับครอบครัว หรือ การเล่นกับน้องหมา

5.กำหนดเวลาในการใช้สื่อโซเซียล
ในปัจจุบันสื่อโซเชียลถือว่ามีอิทธิพล ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก บางคนใช้เวลากับสิ่งเหล่านี้ไปหลายชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งจะนำมาซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทำให้ขาดการจัดสรรเวลาที่มีประสิทธิภาพ เราจึงควรจะต้องกำหนดเวลาในการเข้าใช้ให้มีความชัดเจน เช่นไม่ควรเกินวันละ 2 ชั่วโมงต่อวัน และหันมาทำสิ่งอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นมากขึ้น เช่นการอยู่กับครอบครัว หรือการรับประทานอาหารกับครอบครัว แล้วยังจะทำมาซึ่งมิตรภาพที่ดีอีกด้วย

จะเห็นว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน คือ 24 ชั่วโมง และเวลาถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่า เราจึงควรจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด การบริหารจัดการเวลาที่ดีแล้ว นอกจากจะทำมาซึ่งการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ

เรื่องของเวลา

เพิ่มประสิทธิภาพให้ชีวิต ด้วยการ บริหารเวลา หากทำได้ เหลือเวลาเพียบ

เพิ่มประสิทธิภาพให้ชีวิต ด้วยการ บริหารเวลา หากทำได้ เหลือเวลาเพียบ

เวลาถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในการดำเนินชีวิตและไม่สามารถย้อนกลับได้ ฉะนั้นการใช้ชีวิตจึงต้องอาศัยการวางแผนที่ดี อย่าได้ให้เกิดคำพูดที่ว่า “ไม่มีเวลา” เพราะนั่นมาจากปากของคนที่ไม่สามารถจัดสรรหรือ บริหารเวลาอะไรได้เลยและคนเราก็มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน หากคุณสามารถจัดสรรได้คุณจะทำอะไรได้หลายอย่างในแต่ละวัน ฉะนั้นหากใครที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวาย ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ลองลำดับความสำคัญและลองทำตามทริกเหล่านี้ดูก่อน

-ตื่นตั้งแต่เช้า เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้กระฉับกระเฉง โดยต้องทำเป็นประจำใช้เวลา 15-30 นาทีต่อวันเท่านั้นและต้องทำต่อเนื่อง

-กำหนดเวลาในการเช็คเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เป็นข้อที่กระทบต่อชีวิตหลายคน เพราะบางคนเมื่อได้เข้าสู่โลกออนไลน์มักจะเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน จนไม่หลงเหลือเวลาไว้ทำเรื่องอื่นเลย ฉะนั้นต้องกำหนดเวลาในการเช็คอีเมล์ ช่องทางต่าง ๆ ให้ชัดเจน

-เลือกสถานที่ทำงานที่เป็นส่วนตัวมากที่สุด คนรอบข้างก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำลายสมาธิของคุณ เมื่อต้องเริ่มทำงานอย่างจริงจัง ควรเลือกมุมสงบที่มีแค่คุณเท่านั้น เพื่อไม่กระทบต่อการทำงานและสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-เรียงลำดับงานง่ายไปหางานยากหรือทำงานที่เร่งก่อน เพราะงานง่าย ๆ จะทำให้คุณมีพลังพอที่จะทำงานอื่น ๆ ต่อไปและในการเลือกทำงานเร่งส่งก่อนจะช่วยให้คุณสามารถบริหารเวลา และสามารถทำงานส่งงานตรงเวลา

-นอนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่และไม่ง่วงระหว่างวัน

-เลือกใส่เสื้อผ้าแบบเรียบง่าย ถือเป็นทริกที่หลายคนสังเกตจากคนที่ประสบความสำเร็จมักจะสวมใส่เสื้อยืด กางเกงโทนสีเดิม ๆ

-วางแผนและเตรียมงานก่อนล่วงหน้า ก่อนจะเริ่มการทำงานควรจัดเตรียมงานก่อนเริ่ม 15 นาที เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพและไม่ทำให้คุณเร่งรีบจนเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ

-จดบันทึกในสิ่งที่จะต้องทำเสมอและมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ ถือเป็นการตั้งเป้าหมายให้ตัวเองเลยว่าจะต้องทำงานให้สำเร็จในแต่ละวันว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่คุณจะได้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลายคนอยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรและเมื่อลงมือทำก็ไม่สามารถทำได้สักทีหรือหากเริ่มต้นแล้ว แต่ชีวิตก็ยังวุ่นวาย ยังไม่ลงตัว นั่นเพราะคุณยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ส่วนใหญ่เกิดจากการบริหารเวลาที่ขาดประสิทธิภาพ แต่หากคุณลองทำตามทริกที่เราได้นำเสนอไปแล้วนั้น เชื่อว่าคุณจะต้องประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งแน่นอน

Uncategorized

เปิดเทคนิคการบริหารเวลาของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

เปิดเทคนิคการบริหารเวลาของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

ไม่มีใครหนีความจริงเรื่องทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันพ้น แต่ทำไมบางคนสามารถบริหารและจัดสรรเวลาเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยเฉพาะเหล่านักธุรกิจที่มักสามารถสร้างผลกำไรมหาศาลได้จากเวลาที่มีเท่ากันกับเราทุกคน ถึงพวกเขาจะดูงานยุ่ง แต่น่าแปลกใจที่พวกเขายังมีเวลามากมายในการพักผ่อนและพัฒนาตนเอง คนเหล่านั้นมีเทคนิคอะไรที่ใช้ในการแบ่งเวลาเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จกันแน่ วันนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจด้วยกัน

1.วางแผนอย่างจริงจัง
นักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมีตารางงานที่แน่นอน โดยมีการกำหนดวัน เวลา และเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จในแต่ละช่วงเวลาเอาไว้อย่าชัดเจน โดยตารางเวลาเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาจากการวางแผนอย่างจริงจังและรัดกุม โดยพิจารณาจากปัจจัยที่ครอบคลุมเอาไว้อย่างรอบคอบ เมื่อพวกเขามุ่งมั่นทำตามเป้าหมายโดยไม่ย่อท้อ จึงทำให้สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็น

2.ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำตามได้ง่าย
หลายคนอ่านข้อแรกแล้วคงรีบลุกขึ้นมาวางแผน ตั้งเป้าหมายสุดยิ่งใหญ่เอาไว้ในใจกันใช่ไหม แต่หยุดก่อน ลองเอาเทคนิคข้อที่สองไปใช้ประกอบกันด้วย เป้าหมายที่ตั้งในแต่ละวันควรเป็นเรื่องเล็ก ควรเป็นสิ่งที่สามารถทำตามได้ง่ายโดยไม่ต้องเหนื่อยยากจนเกินไป เพราะยิ่งเป้าหมายยากและใหญ่ ยิ่งมีโอกาสที่ทำให้เกิดความท้อแท้จนถอดใจไปก่อนที่จะสำเร็จ แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ค่อย ๆ ทำไป คุณจะรู้สึกสบาย ๆ รู้สึกตัวอีกทีจะเดินใกล้จุดหมายในฝันโดยไม่รู้ตัว

3.อย่านอนตื่นสาย
ถ้าตื่นเช้าให้มากขึ้น จะมีเวลาเพิ่มขึ้นโดยที่คุณไม่ทันได้สังเกตมาก่อนเลย เพราะช่วงเวลาในตอนเช้า เป็นเวลาที่ค่อนข้างสงบ ไม่วุ่นวาย จึงทำให้เข้าสู่สมาธิได้ง่าย จึงมีโอกาสที่งานจะถูกทำได้อย่างลุล่วง นอกจากนั้นยังอาจเกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน

4.มอบหมายงานให้คนอื่นบ้าง
อย่าแบกงานทุกอย่างมาทำคนเดียว คุณต้องรู้จักแบ่งงานและมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับคนที่เหมาะสมด้วย เพราะคนเราไม่ได้เก่งทุกอย่าง ถ้าบางสิ่งมีคนเชี่ยวชาญกว่าคุณ คุณสามารถยกงานให้เขาได้ แล้วเอาเวลาไปทำสิ่งที่คุณถนัด ทั้งทีมจะได้บรรลุเป้าหมายไปพร้อมกัน

5.พักบ้างให้สมองได้คิด
ถ้าคุณเอาแต่มุ่งหน้ามุ่งตาทำงาน โดยไม่แบ่งเวลาให้สมองได้พักผ่อนบ้างเลย จะรู้สึกอ่อนล้าจนไม่สามารถไปต่อกับงานในที่สุด ดังนั้นต้องหมั่นหาโอกาสพักผ่อน ให้เวลาสมองได้ตกตะกอนแนวคิดและวิธีการใหม่ ๆ ทำตัวให้สดใส ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง จึงจะสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างมั่นคง

สิ่งนี้เป็นแนวทางในการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากเหล่านักธุรกิจที่มีประสบการณ์ได้แนะนำมา ต่อให้คุณไม่ใช่ผู้ประกอบการ การนำเรื่องราวเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ จะสามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในใจของคุณได้เช่นกัน ขอเพียงมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น

บริหารเวลาทำงาน

ลงทุนอะไรดีให้มีกำไรในวิกฤติเงินเฟ้อ

ลงทุนอะไรดีให้มีกำไรในวิกฤติเงินเฟ้อ

ทุกคนในสังคมคงจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าค่าครองชีพต่าง ๆ ในปัจจุบันมีราคาที่พุ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับในอดีต ดูตัวอย่างได้ง่าย ๆ จากราคาอาหารตามสั่ง ในอดีตข้าว 1 จานยังพอหาซื้อได้ในราคา 30-40 บาท แต่ในปัจจุบันควรมีเงินอย่างน้อย 50-60 บาทแล้ว เงินสดที่ถืออยู่ในมือจึงนับว่ามีมูลค่าลดลงไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีการนำไปบริหารจัดการให้เกิดการงอกเงย วันนี้เราจึงมาแนะนำสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในวิกฤติเงินเฟ้อ เพื่อให้สามารถรักษามูลค่าเงินที่มีเอาไว้ได้อย่างมั่นคง

ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล หมายความว่าไม่ว่าจะไปประเทศไหนในโลก ทองคำจะยังคงมีค่านั่นเอง นอกจากนั้นทองคำยังมีสภาพคล่องสูง การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายในหลายตลาด ราคาเป็นไปในทิศทางเดียวกับเงินเฟ้อ แถมถ้ามีวิกฤตอะไรบนโลก ราคาทองจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก จึงเหมาะกับการสะสมเพื่อทำกำไรในอนาคตเป็นอย่างมาก

ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงของช่าง ทำให้ราคาของทรัพย์สินนี้มีการขยับขึ้นในทางเดียวกับเงินเฟ้อ ยิ่งถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกจากอุปสงค์ของคนในพื้นที่นั้นๆ จะซื้อไว้เก็งกำไรหรือปล่อยเช่าก็นับเป็นไอเดียที่ดี จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพียงแค่จำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ในการลงทุน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นกองทุนที่ระดมเงินจากนักลงทุนรายย่อยเพื่อลงทุนในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างในการพัฒนาประเทศ เช่น ถนน ทางด่วน พลังงาน ระบบขนส่ง จึงทำให้เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมั่นคง และกองทุนประเภทนี้จะมีการปรับราคาสูงขึ้นเพราะได้อานิสงส์จากเงินเฟ้อนั่นเอง

หุ้นตลาดเกิดใหม่เป็นการลงทุนในประเทศที่มีโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แต่ยังมีข้อจำกัดบางอย่างทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว หุ้นกู้เอกชนหุ้นกู้มีอีกชื่อเรียกที่คุ้นหูคนทั่วไปมากกว่าคือ ตราสารหนี้ นั่นเอง ซึ่งเป็นการระดมเงินทุนจากรายย่อยโดยมีจุดมุ่งหมายจะนำไปประกอบกิจการให้เติบโตขึ้นของภาคเอกชน จึงมีดอกเบี้ยที่ดึงดูดใจ หากเลือกบริษัทที่มั่นคงจะมีโอกาสทำกำไรได้ดี

ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างของการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตชนะเงินเฟ้อได้ แต่อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ลงทุนเป็นเหมือนข้อตกลงว่าจะต้องรับความเสี่ยงให้ได้ ดังนั้นต้องมีการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนและเลือกสินทรัพย์ที่ตรงใจ และสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง พอร์ตการลงทุนจึงจะเติบโตได้อย่างมั่นคง จึงต้องมีการบริหารเวลาให้ดีในการลงทุนต่าง อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันคือการเดิมพันฟุตบอลมีตลอด 24 ชั่วโมงให้เลือก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเสาะหาสถิติการเล่นจากผลงานย้อนหลังก่อน เพราะผลกำไรในการลงทุน และต้องอาศัยเวลาในการแทงด้วยหากเล่นบอลไลฟ์ ไม่งั้นอาจจะผิดหวัง

บริหารเวลาทำงาน

5 เคล็ดลับการบริเวลา เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

5 เคล็ดลับการบริเวลา เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

เวลาเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละวัน ทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่คนที่บริหารเวลาที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าและสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างราบรื่น โดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป วิธีในการแบ่งเวลาเพื่อรับมือกับปัญหามีหลากหลายรูปแบบ โดยมี 5 เคล็ดลับที่ทุกคนสามารถปรับใช้กับตัวเองได้ดังนี้

วางแผนก่อนลงมือทำ
การวางแผนก่อนที่จะลงมือแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาและขอบเขตความสามารถของตนเองอย่างชัดเจน เห็นแนวทางของปัญหา และสามารถบริหารทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด การวางแผนเป็นเวลาสำคัญในการกำหนดเป้าหมายของงานที่ทำให้สามารถมุ่งตรงไปสู่ทางออกได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็น ลองหยิบแพลนเนอร์ดี ๆ ซักเล่มมาวางแผนชีวิตกันดู

กำหนดเกณฑ์เวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ
หลายครั้งเส้นตายจะทำให้คนเกิดแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความท้าทายและสร้างพลังในการทำงาน เมื่อต้องรับมือกับปัญหาหรือชิ้นงาน ให้ลองกำหนดเดดไลน์ให้กับงานชิ้นนั้นขึ้นมา และพยายามบริหารเวลาที่มี ลดการผลัดวันประกันพรุ่งเพื่อไปสู่ทางออกของปัญหา

จัดลำดับความสำคัญของปัญหา
บางครั้งเมื่อมีปัญหาเข้ามาในชีวิตหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน อาจทำให้เกิดอาการลนลาน และไม่สามารถรับมือกับเรื่องเหล่านั้นอย่างทันท่วงที วิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ คือการจัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องทำ โดยอาจจะไล่จากความจำเป็นมากที่สุดไปน้อยที่สุด หรืออาจจะจัดจากยากไปง่าย จะทำให้เราเห็นแนวทางในการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน

ลงมือทำทันทีที่เกิดไอเดีย
บางครั้งเมื่อเกิดไอเดียในการทำเรื่องต่าง ๆ หรือคิดทางออกในการแก้ปัญหาออกได้ แต่ถ้าเราปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ลงมือทำตามไอเดียนั้น เราอาจจะหลงลืมและพลาดโอกาสในการเอาชนะปัญหาไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นครั้งหน้าถ้ามีไอเดียอะไรที่น่าสนใจควรลงมือทำทันที

รู้จักให้รางวัลตัวเองด้วยการหยุดพัก
การเคร่งเครียดและกดดันตนเองมากเกินไป บางครั้งทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทำให้การตัดสินใจแย่ลงและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับชีวิตมากไปกว่าเดิม ดังนั้นการสร้างสมดุลในชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ รู้จักปล่อยวางปัญหาและหยุดพักเพื่อเป็นการพักผ่อนสมองและร่างกาย เช่น การทำงานอดิเรก การใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อน การออกไปเที่ยว จะเป็นการเพิ่มพลังให้กับตนเองในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ในหลาย ๆ ครั้งไอเดียดี ๆ สามารถเกิดขึ้นนอกห้องทำงานในช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งเช่นกัน
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการดี ๆ ในการบริหารเวลาเพื่อจัดการภาระปัญหาต่าง ๆ ที่นำมาฝากกัน จะเห็นว่าการวางแผนและลงมือทำอย่างตั้งอกตั้งใจโดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่งจะช่วยให้งานต่าง ๆ มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน หากใครยังไม่เคยลองจัดการวางแผนการใช้เวลาด้วยวิธีการเหล่านี้สามารถลองปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การทำงานของตนเองได้เลย แล้วอย่าลืมแบ่งเวลาพักผ่อน ดูแลสุขภาพของตนเองเพื่อให้มีพลังกายพลังใจในการต่อสู้กับปัญหาด้วย

บริหารเวลาทำงาน

แนะนำ 5 เทคนิค บริหารเวลา ให้มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาตนเอง

แนะนำ 5 เทคนิค บริหารเวลา ให้มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาตนเอง

คนเราทุกคนล้วนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันในแต่ละวัน แต่เหตุใดหลายคนจึงมักพร่ำบ่นกับตนเองว่า ไม่มีเวลา นั่นเพราะการไม่ตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและเพราะเวลามันฟรี จึงทำเหมือนไม่มีค่า โดยหารู้ไม่ว่าแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไปนั้นมีค่ามากเพียงใด โดยในวันนี้จะมาแนะนำวิธีการ บริหารเวลา ในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพ เพื่อโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา

แบ่งเวลา

สิ่งแรกที่ควรทำคือการแบ่งเวลา ในทีนี้จะแบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วนจากจำนวน 24 ชั่วโมงให้เท่ากัน ดังนี้

ส่วนที่ 1 สำหรับการพักผ่อน จำนวน 8 ชั่วโมง
ส่วนที่ 2 สำหรับการทำงานหรือเรียนหนังสือ จำนวน 8 ชั่วโมง
ส่วนที่ 3 สำหรับการเดินทางและพัฒนาตนเอง

จะเห็นว่าเมื่อแบ่งเวลาออกมาเป็น 3 ส่วนแล้ว จะมีส่วนที่ 3 ที่มีเวลาว่างมากถึง 8 ชั่วโมง คุณสามารถที่จะนำเวลาดังกล่าวไปพัฒนาตนเอง พัฒนาความรู้ เพื่อเสริมสร้างโอกาสในทางการเงินให้กับตนเองได้ หรือใช้เวลาส่วนนี้ในการออกกำลังกายหรือพักผ่อนระหว่างวันได้

สร้างตารางในชีวิตประจำวัน

หลังจากที่แบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้กำหนดตารางเวลาในชีวิตประจำวันลงไป เพื่อที่จะปฏิบัติตาม เช่น ในช่วงเวลา เวลา 21.00-05.00 น. เป็นช่วงเวลาพักผ่อน 05.00-05.30 น. อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน 05.30-06.00 น. เดินทางไปทำงาน 06.00-06.30 น. รับประทานอาหารเช้า 06.30-08.00 อ่านหนังสือหรือทบทวนงานของวันนี้ จากนั้นก็เริ่มทำงาน จะเห็นว่าหลังเวลางานตั้งแต่ 16.00-21.00 น. จะมีเวลาว่างประมาณ 5 ชั่วโมง สามารถที่จะจัดสรรไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์เพิ่มเติมได้

พิจารณางานสำคัญก่อนและหลัง

การจัดอันดับก่อนหลังความสำคัญของงานจะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นและตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะในชีวิตประจำวันบอกได้เลยว่าทุกคนต้องเผชิญกับงานด่วนมาก ด่วนน้อย หากพิจารณาถึงความสำคัญและเร่งด่วนจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น งานด่วนก็ได้ งานประจำก็เยี่ยม

กล้าที่จะปฏิเสธ

ในชีวิตคนทำงานเชื่อได้ว่าทุกคนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกงานมักจะเป็นช่วงที่หลายคนต้องการ Relax พักผ่อนและดื่มกินในช่วงเวลางาน ซึ่งอยากให้หัดปฏิเสธคำชวนของบรรดาเพื่อนในที่ทำงานดูบ้าง เพื่อที่จะมีเงินเหลือเก็บและนำเวลาที่มีค่าเหล่านั้นไปหากิจกรรมอย่างอื่นเสริมเพื่อเพิ่มรายได้มากกว่า เพราะอย่าลืมว่าการที่คุณมีรายได้จากช่องทางเดียวในปัจจุบันไม่เพียงพอแล้ว จะต้องมีไม่ต่ำกว่า 2 อาชีพในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้นหัดปฏิเสธบ้างก็ได้เวลาที่คนในออฟฟิศมาชวนไปดื่มหรือสังสรรค์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ออกกำลังกายบ้าง

แม้ช่วงเย็นจะเหลือเวลาอยู่เพียง 4-5 ชั่วโมง ก่อนที่จะเข้านอนในตอนหัวค่ำ ให้แบ่งเวลาอย่างน้อย 30 -60 นาที ในการออกกำลังกาย เพื่อที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเป็นการปลดปล่อย ทบทวนความคิดหรืองานในแต่ละวันที่ทำมา เพื่อที่จะนำความคิดเหล่านั้นมาประมวลผลเพื่อทำงานให้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมว่าเวลาที่งานมีปัญหา มักจะคิดไม่ค่อยออกในช่วงเวลางาน แต่มักจะมาคิดออกในช่วงที่ไม่ได้ทำงานอยู่เสมอ

สำหรับใครที่ชอบอ้างไม่มีเวลา อย่าลืมนำเอาเทคนิคการบริหารเวลาไปใช้ รับรองได้เลยว่าจะทำให้คุณมีเวลาเหลือจากการทำงานมากขึ้นและมีเวลาในการพัฒนาตนเองเพื่อที่จะสร้างโอกาสและรายได้ที่จะเข้ามามากยิ่งขึ้นนั่นเอง

Uncategorized, เรื่องของเวลา

นิสัยของคนบริหารเวลาเป็นและไม่เป็นส่งผลอย่างไร

นิสัยของคนบริหารเวลาเป็นและไม่เป็นส่งผลอย่างไร

เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าและย้อนกลับคืนมาไม่ได้ บ่อยครั้งที่เรารู้สึกว่ามีเวลาไม่พอ ถ้าคุณบ่นว่าไม่มีเวลาอาจหมายความว่าคุณไม่รู้จักวางแผนล่วงหน้าและบริหารเวลาไม่เป็น ปล่อยให้เวลาสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ทำให้ชีวิตวุ่นวายทำอะไรไม่ครบถ้วนไม่สำเร็จ นิสัยของคนที่บริหารเวลาเป็นและไม่เป็นแตกต่างกันอย่างไร ลองมาเปรียบเทียบกัน

นิสัยของคนบริหารเวลาเป็น

กำหนดตารางเวลาอย่างมีเป้าหมาย วางแผนและจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน
เป็นเป้าหมายระยะสั้น และวางแผนเป้าหมายรายสัปดาห์หรือรายเดือนเป็นเป้าหมายระยะยาว

จัดลำดับความสำคัญ ทุ่มเทกับงานที่มีความสำคัญที่สุดก่อน มีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่และตั้งใจทำงานสำคัญให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด หลังจากทำงานสำเร็จแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายและทำงานที่เหลือได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องวิตกกังวลไปกับทุกงาน

มีกิจวัตรประจำวันที่ทำเป็นประจำ ทำให้การใช้ชีวิตมีรูปแบบชัดเจน สร้างแรงจูงใจในการทำงาน และมีช่วงเวลาพักผ่อน ทำให้ความเครียดที่สะสมลดลง

แบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวให้สมดุล มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำงานทีละอย่าง เมื่อถึงเวลาอยู่กับครอบครัวให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าโดยไม่วิตกกังวลเรื่องงาน การยึดติดกับงานหรือบ้างานมากๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

นิสัยของคนบริหารเวลาไม่เป็น

ไม่วางแผนก่อนลงมือทำ ส่งผลให้ทุกอย่างตัดสินใจได้ยาก ขาดความเป็นระบบระเบียบทำให้เสียเวลามากขึ้น มักจะลืมทำบางอย่างเสมอ ทำงานล่าช้ากว่ากำหนดจนรู้สึกว่ามีเวลาไม่พอ

ไม่จัดลำดับความสำคัญให้ดี ทำให้ใช้เวลาไปจนหมดกับงานที่ไม่สำคัญ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรจะทำเป็นอันดับแรก ไม่รู้ว่าควรโฟกัสกับงานใดกันแน่ คนที่ไม่รู้จักแบ่งเวลามักจะทำหลายสิ่งหลายอย่างไม่ทัน ทำอะไรก็ล้มเหลวเสมอ

ไม่รู้จักการลำดับความสำคัญทำให้ทุกงานดูจะเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนไปทั้งหมด จึงมักจะทำงานหนักลูกเดียว ยุ่งมากจนไม่มีเวลาพักผ่อนเลยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยตลอดเวลา

ผัดวันประกันพรุ่งจนเป็นนิสัย มักจะมีข้ออ้างไว้ค่อยทำวันหลัง เมื่อเวลากระชั้นชิดเข้ามาจึงรีบร้อนทำงานจนขาดความละเอียดรอบคอบ ไม่มีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ทำงานสะเพร่าและผิดพลาดบ่อยครั้ง

ไม่ได้ตั้งเป้าหมาย จึงไม่ได้วางแผนวันหยุดทำให้ขาดการพักผ่อนและไม่ได้ใช้เวลาส่วนตัวของตัวเองอย่างคุ้มค่า ใช้ชีวิตอย่างไม่รู้เป้าหมาย ขาดความสุขไร้ชีวิตชีวา

การวางแผนและบริหารเวลาเป็นทำให้คนเรามองเห็นคุณค่าของเวลาและมีวินัยกับการใช้ชีวิตมากขึ้น คนที่บริหารเวลาไม่ดีพอจะใช้ชีวิตจนหมดแรงแทบไม่มีเวลาพัก หากชีวิตของคุณเป็นอย่างนี้ต้องเริ่มจัดการกับตัวเองได้แล้ว การวางแผนตารางเวลาอย่างพอเหมาะจะเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จะไม่บ่นเรื่องเวลาไม่เรื่องไม่มีเวลาอีกแล้ว

บริหารเวลาทำงาน

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้ Work กับ Life Balance ได้ลงตัว

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้ Work กับ Life Balance ได้ลงตัว

มีคนเคยบอกว่า กุญแจสู่การมีชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จก็คือ “การบริหารเวลาให้เป็น” โดยเฉพาะกับการจัดสรรเวลาให้กับงานและการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลลงตัว แต่เรื่องนี้ดู ๆ ไปแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเป็นอะไรที่ทำยากมาก ๆ เพราะในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันก็จะเต็มไปด้วยปัจจัยหลาย ๆ ที่ยากจะควบคุม แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าเรารู้จัดการเลือกใช้กลยุทธ์การบริหารเวลาที่ลงตัว

1. การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ

เพราะชีวิตของเราเต็มไปด้วยภารกิจ ที่เป็น Mission ของการใช้ชีวิตที่เรานั้นมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่เป็นภาระรับผิดชอบ ไปจนถึงหน้าที่เล็ก ๆ ของการใช้ชีวิตอยู่บ้านอย่างการรดน้ำต้นไม้ เมื่อชีวิตมีหลายอย่างที่ต้องทำ เราจึงควรจะรู้จักการจัดลำดับความสำคัญของหน้าที่ต่าง ๆ เอาทุกเรื่องมาเขียนเป็นรายการ To Do List ว่ามีอะไรต้องทำบ้าง การจัดลำดับแบบนี้จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเรามีความเป็นระบบมากขึ้น

2. เวลาที่แบ่งแล้วคือเวลาที่ถูกจัดสรรเอาไว้แล้ว

หลายครั้งอุปสรรคในการทำ To Do List ให้สำเร็จตามลำดับความสำคัญก็อาจมาในรูปของตัวเราเอง คนที่บริหารเวลาไม่ลงตัว ทำงานจนดึกหรือเที่ยวจนทำงานไม่เสร็จคือคนที่ขาดวินัยในการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือว่าเมื่อเราได้ทำการแบ่งเวลาให้กับสิ่งที่ต้องทำตามรายการที่เขียนเอาไว้แล้ว ก็ต้องทำเรื่องนั้นให้เสร็จตามที่วางแผนไว้ อย่าข้ามไปทำอย่างอื่นหรือผลัดงานออกไปก่อน ถ้าติดนิสัยแบบนี้ก็อย่าหวังเรื่อง Balance เลย

3. เวลาพักก็ต้องจัดเอาไว้ด้วย

แม้แต่เครื่องจักรก็ยังต้องมีช่วงที่หยุดพักการทำงาน เพราะฉะนั้นมนุษย์อย่างเราเองก็ย่อมที่จะต้องการเวลาสำหรับการพักผ่อนเช่นกัน อย่าพยายามทำตัวเป็นคน Productive มากเกินไป เพราะการมุ่งทำงานหนักจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ไหนจะเรื่องสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานที่จะลดลงเรื่อย ๆ หากโหมงานนานติดต่อกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดเวลาส่วนหนึ่งที่ Fix เลยว่า เวลานี้เราจะใช้สำหรับการพักผ่อน จะเป็นการงีบหลับหรือการรีแลกซ์ดูหนังฟังเพลงก็ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เสียหายหรอกจริงไหม

ด้วยหลักและกลยุทธ์ในการบริหารเวลาอย่างเข้าใจถึงความสำคัญของแต่ละสิ่งที่ต้องทำ บวกกับการสร้างวินัยในการใช้ชีวิต ทั้งหมดนี้จะช่วยให้สิ่งที่เราต้องการที่เป็นการได้มีเวลาให้กับการทำงานเพื่อความสำเร็จและเวลาสำหรับการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้จริง แล้ว Work กับ Life ของเราก็จะลงตัวได้สมใจแน่นอน

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาชีวิต เทคนิคการทำน้อยแต่ได้มาก

บริหารเวลาชีวิต เทคนิคการทำน้อยแต่ได้มาก

เพราะจะว่าไปแล้ว “เวลา” นั้นก็ถือได้เป็นต้นทุนชีวิตที่สำคัญอย่างหนึ่งทั้งไม่ว่าจะเป็นในมุมของการทำงาน ธุรกิจ หรือการใช้ชีวิต ซึ่งจุดเริ่มต้นที่สำคัญก็คือการบริหารเวลาชีวิตให้ลงตัวเราถึงจะสามารถนำเรื่องนี้ไปใช้ในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างนั้นแล้วเรามาลองเริ่มดูเทคนิคการบริหารเวลาชีวิตไปกับการทำน้อยแต่ได้มากกัน

ปรับความคิดเรื่องการใช้เวลาใหม่

  • ทำมากไม่ใช่ได้มากเสมอไป อันดับแรกสำหรับการบริหารเวลาชีวิตตามแนวคิดนี้ก็คือการเริ่มปรับความคิดของตัวเองเสียก่อนว่าอะไรที่ยิ่งทำมากก็จะได้มากออกไปก่อน อย่างเช่นการทำงานในจำนวนมาก ๆ ก็จะทำให้ได้รายได้ที่มาก หรือเที่ยวมากก็จะสนุกมากอะไรแบบนั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วมันยังมีหลายอย่างที่เราสามารถใช้เวลาน้อยกว่าแต่ให้สิ่งกลับคืนมาที่มากกว่าได้ และสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็คือการใช้เวลาอย่างมี “คุณภาพ”
  • วิธีการอะไรที่จะนำไปสู่เป้าหมาย เมื่อปรับความคิดได้แล้ว สิ่งที่เราจะต้องมาคิดต่อก็คือการมองหาเป้าหมายของตัวเองให้เจอ ว่า ณ เวลานี้ ชีวิตของเราต้องการอะไร ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จรูปแบบไหนในชีวิต มันจะมีทางอยู่ทางหนึ่งที่ถูกต้อง ใช้เวลาน้อย แต่ให้ผลดีกว่าเสมอ การขยันผิดที่ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นได้มากไปกว่าเวลาที่เราเสียไปเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าให้เราลองเอาสิ่งที่ต้องการมาตั้งเป็นเป้าหมายชีวิต แล้วคิดหาวิธีที่จะพาเราไปยังเป้าหมายนั้นให้ได้

การลงมือทำสำคัญที่สุด

  • ทำให้ถูกเรื่องและตรงประเด็นเสมอ ส่วนยากของการบริหารเวลาชีวิตให้เข้ากับแนวคิดนี้ก็คือการทำให้ถูกเรื่องและตรงประเด็น เพราะคนส่วนใหญ่มักจะชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน หรือชอบทำอะไรนอกเรื่อง จนหลุดโฟกัสการเดินหน้าตามเป้าหมายไป สิ่งที่เราต้องทำก็คือการจดจ่อกับการบริหารและใช้เวลา ณ ปัจจุบันให้คุ้มค่ามากที่สุด ง่าย ๆ เลย ยกตัวอย่างเช่นการไปซื้อของใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างการเดินเลือกไปเรื่อย ๆ กับการมุ่งไปยังชั้นวางของที่เราอยากจะได้เลย ทางไหนจะได้ของตามที่ต้องการจริงและใช้เวลาน้อยกว่า ก็ให้เลือกทางนั้น
  • แบ่งเวลาให้ชัดและทำให้ได้จริง ข้อสุดท้ายเพื่อให้การบริการเวลาลงตัวที่สุด คือการแบ่งเวลาให้ชัด ระบุไปเลยว่า ณ เวลานี้เราจะทำอะไร ใช้เวลาเท่าไร และจะได้ผลเป็นอะไรออกมา บังคับตัวเองให้ทำให้ได้ตามนั้น แรก ๆ อาจยากหน่อย แต่นานไปแล้วเราจะชินและเริ่มที่จะบริหารเวลาได้เก่งขึ้นเองโดยธรรมชาติ

ด้วยหลักการทำน้อยแต่ให้ผลตอบแทนกลับคืนมาที่มากนี้ จะช่วยให้การบริหารเวลาชีวิตของเราลงตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราก็จะสามารถใช้เวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเห็นผลแต่ใช้เวลาที่น้อยลง ผลก็คือการได้เวลากลับคืนมาและเราสามารถที่จะใช้เวลานั้นไปกับการทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง ขอแค่ตั้งใจที่จะทำจริง ๆ เท่านั้นเอง

บริหารเวลาทำงาน

5 เทคนิคกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ในวันที่คิดงานไม่ออก

5 เทคนิคกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเจอปัญหาสมองตัน คิดงานเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ซึ่งปัญหานี้นับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ และสำหรับใครที่เจอปัญหานี้บ่อย ๆ แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที ลองมาดู 5 วิธีกระตุ้นไอเดียบรรเจิดให้กลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าจะทำให้คิดงานออกแถมยังลดความเครียดอีกด้วย

1. ดื่มน้ำเปล่า – วิธีง่าย ๆ ที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นไอเดียในวันอ่อนล้า นั่นคือ การดื่มน้ำสะอาด เพราะอย่าลืมว่าในร่างกายมีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งน้ำยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือดและสมอง การคิดงานจึงลื่นไหล รู้สึกสดชื่น หรือบางคนเลือกดื่มกาแฟอุ่น ๆ สักแก้ว เพราะกลิ่นหอมจากกาแฟช่วยให้สมองผ่อนคลาย คิดงานต่อได้อย่างไม่เครียด

2. จัดลำดับความคิดใหม่ – หลายครั้งไม่ใช่เพราะคิดงานไม่ออก ไอเดียเจ๋ง ๆ จึงไม่เกิด แต่เพราะขาดการจัดระบบความคิด เมื่อระบบความคิดไม่เป็นขั้นตอนจึงทำให้ฟุ้งซ่าน กลายเป็นว่าคิดงานไม่ออกเอาดื้อ ๆ ดังนั้น หากคิดงานไม่ออกแนะนำให้อยู่นิ่ง ๆ สักพัก และจัดระบบความคิดใหม่แบบเป็นขั้นตอน เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้ความคิดลื่นไหลขึ้น

3. ท่องโลกอินเทอร์เน็ต – บางครั้งการโฟกัสกับงานมากเกินไปอาจไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ เมื่อรู้สีกเครียดหรือขาดความคิดสร้างสรรค์จึงให้ลองหันไปท่องโลกอินเทอร์เน็ต อัปเดตข่าวสารน่าสนใจรวมถึงเทรนด์ใหม่ ๆ โดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเท่านั้น วิธีนี้อาจทำให้ได้ไอเดียเจ๋ง ๆ ระหว่างท่องโลกโซเชียลก็เป็นได้

4. หันไปทำกิจกรรมอย่างอื่น – ในเมื่อคิดงานไม่ออกก็ไม่จำเป็นต้องเค้นไอเดีย เพราะบางครั้งอาจเกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัวทำให้เสียทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย เพราะฉะนั้นควรหยุดงานที่ทำและหันไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ฟังเพลงโปรด อ่านหนังสือ หรือหันไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายสักระยะ

5. หาเวลาพักผ่อนบ้าง – บางครั้งการเครียดจากงานมากเกินไป รวมถึงทำงานหนักติดต่อกันนาน ๆ คือสาเหตุสำคัญทำให้สมองตันคิดงานไม่ออก จนเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดและโรคต่าง ๆ รุมเร้า เพราะฉะนั้นแม้ว่างานจะสำคัญมากเพียงใด อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนบ้าง เพราะสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อพร้อมแล้วจึงค่อยกลับมาลุยงานใหม่อีกครั้ง

เมื่อมีเทคนิคดี ๆ แบบนี้แล้ว ใครที่ชอบคิดงานไม่ออก สมองตัน หรือขาดไอเดียใหม่ ๆ อย่าลืมทำตามเทคนิคเหล่านี้ที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในวันที่เหนื่อยล้าแต่ต้องทำงานให้เสร็จ นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเพราะเมื่อร่างกายพร้อม จิตใจพร้อม พลังในการคิดงานใหม่ ๆ จะมาเรื่อย ๆ อีกทั้งยังช่วยให้ทำงานอย่างไม่เครียดอีกด้วย