Browse Category by บริหารเวลาทำงาน
บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาอย่างไร ให้เข้ากับนาฬิกาชีวิต

นาฬิกาชีวิต

นาฬิกาชีวิตเป็นศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ โดยเราทุกคนมีช่วงเวลาที่อวัยวะแต่ละส่วนทำงานได้ดีมากน้อยไม่เท่ากัน จึงเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และบริหารเวลากิจกรรมทุกวันให้สัมพันธ์กับนาฬิกาชีวิต เพื่อให้สุขภาพดีในระยะยาว

ช่วงเวลาแห่งการดีทอกซ์ – ช่วงเวลาตีหนึ่งถึงตีสาม เราควรนอนหลับให้สนิท เพราะเป็นช่วงสำคัญที่ตับได้ทำหน้าที่ขับสารพิษ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระจากความเครียด และสารเจือปนในอาหารที่เรารับประทานระหว่างวันออกไปให้มากที่สุด และยังเป็นช่วงที่มีการหลั่งสารเมลาโทนินให้มีฤทธิ์ทำให้เราหลับลึก ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ด้วย จึงช่วยชะลอวัยให้ดูอ่อนเยาว์ได้นาน

ช่วงแห่งการฟื้นฟูปอด – ช่วงเวลาตีสามถึงตีห้า เป็นเวลาที่หลายคนตื่นนอนเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน และเป็นเวลาดีสำหรับการสูดดมออกซิเจนบริสุทธิ์จากอากาศไปฟื้นฟูระบบทางเดินหายใจด้วย การตื่นนอนในช่วงเวลานี้และเดินสูดอากาศในสวนสาธารณะจึงทำให้ร่างกายสดชื่น สมองแจ่มใสพร้อมต่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งวัน

ช่วงแห่งการกระตุ้นลำไส้ใหญ่ – ช่วงเวลาตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า เป็นเวลาสำคัญที่ควรกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว โดยการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย เพียงใช้เทคนิคง่าย ๆ คือ หลังจากตื่นนอนตอนเช้าให้ดื่มน้ำสะอาด 1 แก้วและเดิน 15-30 นาที หรือการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกหรือลูกพรุนเป็นประจำก่อนนอน ก็จะทำให้ลำไส้ใหญ่ทำงานดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักและท้องผูกได้ด้วย

ช่วงกระเพาะเปิดรับอาหาร – เวลาเจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า เป็นเวลาดีสำหรับกระตุ้นระบบย่อยในกระเพาะอาหาร เราจึงควรรับประทานอาหารมื้อแรกของทุกวันในเวลานี้ และยังทำให้ร่างกายสดชื่นหลังจากการอดอาหารมาตลอดทั้งคืน ทั้งนี้มีผลวิจัยพบว่าคนที่รับประทานอาหารเช้าในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีโอกาสเป็นโรคอ้วนและเบาหวานน้อยลงด้วย

ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการออกกำลังกาย – ช่วงหนึ่งทุ่มถึงสามทุ่มเป็นเวลาการขับของเสียของไต จึงควรออกกำลังกายตอนนี้ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ตีเทนนิส ฯลฯ และควรลดการรับประทานอาหารโปรตีนในช่วงมื้อเย็น เพื่อให้ไตไม่ทำงานหนักเกินไป จะทำให้การลดน้ำหนักได้ผลดีและสุขภาพโดยรวมดีขึ้นด้วย

ตัวอย่างที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าแต่ละช่วงเวลามีสิ่งที่ควรทำแตกต่างกัน หากบริหารเวลาให้เข้ากับนาฬิกาชีวิตได้เป็นประจำทุกวัน พร้อมกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดี หากิจกรรมที่ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ฯลฯ ก็จะทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้น มีพลังกายและพลังสมองที่พร้อมต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และจะมีประสิทธิภาพการทํางานดีขึ้นด้วย

บริหารเวลาทำงาน

ปัญหาจากการบริหารเวลาไม่มีประสิทธิภาพ

ปัญหาจากการบริหารเวลาไม่มีประสิทธิภาพ

เราต่างเคยได้ยินคำกล่าวว่า ในแต่ละวันควรบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในวัยทำงาน เพื่อให้มีหน้าที่การงานที่เติบโตก้าวหน้า ในบทความนี้เราจะมองในมุมกลับกัน คือ ให้คุณได้เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรจะขึ้นบ้าง หากคุณบริหารเวลาอย่างขาดประสิทธิภาพ

1. อาชีพการงานไม่ก้าวหน้า

หากคุณไม่สามารถที่จะควบคุมเวลาในการมาทำงานได้ตรงเวลา หรือไม่สามารถทำงานได้สำเร็จตามเวลาที่เจ้านายสั่ง ก็จะทำให้ผลประเมินคุณภาพการทำงานของคุณได้คะแนนน้อย ส่งผลโดยตรงต่อหน้าที่การงาน ทำให้ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ที่สำคัญคือ เงินเดือนของคุณก็จะน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่มีอายุงานใกล้เคียงกัน

2. ไม่สามารถทำอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้เพิ่มได้

การทำอาชีพเสริมถือว่าเป็นแหล่งรายได้เพิ่มที่ดี โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้คนมีอัตราการแข่งขันกันสูง เมื่อมีอาชีพเสริมจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยทางการเงินและลดความเสี่ยงหากคุณต้องตกอยู่ในภาวะว่างงานกะทันหัน

ถ้าคุณไม่สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เท่ากับคุณไม่มีโอกาสที่จะใช้เวลาว่างจากการทำงานหลัก ไปสร้างรายได้ใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ ได้เลย คนที่มีความใฝ่ฝันอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือมีเงินเก็บมากขึ้น จึงต้องจัดสรรการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น

3. ขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง

การบริหารจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพนั้นจะทำให้ในแต่ละวันของคุณมีพลังที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้ตามเป้าหมาย โดยคุณต้องลงตารางงานเอาไว้ลำดับตามความสำคัญและเร่งด่วน จากขั้นสูงสุดไปขั้นต่ำสุด

เมื่อคุณทำได้ตามเป้าหมายในแต่ละวัน ก็จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ว่าสามารถทำงานได้สำเร็จตามที่วางแผนไว้ เจ้านายก็ปลื้มที่มีลูกน้องรับผิดชอบแบบคุณ ลูกน้องก็ยกย่องเอาคุณเป็นตัวอย่าง หากคุณไม่สามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ความภาคภูมิใจเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

4. การมีสุขภาพไม่แข็งแรง

ผู้ที่ไม่รู้จักบริหารเวลาให้เต็มประสิทธิภาพ มักจะมีงานคั่งค้างอยู่ส่วนมาก ทำให้มักต้องเอากลับมาทำต่อที่บ้าน ทั้งยังขาดแรงจูงใจในการที่จะดูแลสุขภาพของตัวเอง ส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ง่าย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภาวะความดันโลหิตสูง เกิดอาการเครียด เป็นต้น ส่วนคนที่รู้จักบริหารจัดการเวลาตัวเองอย่างดี มักจะมีวินัยในการดูแลสุขภาพตัวเองที่ดีกว่า

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาที่ขาดประสิทธิภาพ จะส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนทั้งด้านความก้าวหน้า การเงินและสุขภาพ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านตระหนักถึงความสำคัญในการจัดสรรใช้เวลาอย่างดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อตัวเองดังที่กล่าวมา

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

4 เทคนิคบริหารเวลา

ถ้าให้เลือกบางสิ่งบางอย่างคุณจะเลือกอะไรให้กับชีวิต หนึ่ง การงาน สอง เงิน สาม สุขภาพ สี่ ความสัมพันธ์ ห้า เวลา ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ถ้าเป็นคำตอบของเรา คือ เวลา เพราะถ้าไม่มีเวลาแล้ว ก็ไม่สามารถทำงานได้ นำไปสู่การไม่มีเงิน ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ก็จะทำให้สูญเสียความสัมพันธ์ นอกจากนี้ถ้าไม่มีเวลานอนหลับก็จะทำให้เจ็บป่วยจนเสียสุขภาพได้

ในทางตรงข้าม หากมีเวลาเหลือเฟือก็สามารถจัดการทุกอย่างที่ต้องการและทำให้มีความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เวลามีจำกัด แค่ 24 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เราจึงมี 4 เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังต่อไปนี้

4 เทคนิคบริหารเวลา

เทคนิคที่ 1 กิจกรรมที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร” แล้วจัดกิจกรรมที่มีความสำคัญในส่วนนี้เป็นอันดับแรกหรือด่วนที่สุดที่จะต้องทำ ซึ่งแต่ละคนมีมุมมองต่อความสำคัญที่สุดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่มีใครตอบแทนใครได้ว่าเรื่องไหนสำคัญนอกจากตัวเอง เช่น บางคนเน้นเรื่องงานเป็นหลัก บางคนเน้นเรื่องความสัมพันธ์หรือความรัก เป็นต้น

เทคนิคที่ 2 กิจกรรมที่ไม่ด่วนที่สุด แต่จำเป็นต้องทำ

การบริหารเวลาในส่วนนี้ ทุกคนจะต้องมีเพราะเป็นกิจกรรมประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ไม่ด่วนมากนัก เช่น ซักผ้า ทำความสะอาดบ้านในกรณีที่ต้องทำเอง ไม่ได้จ้างแม่บ้าน เป็นต้น หากไม่มีเวลาทำกิจกรรมในส่วนนี้ ก็จะทำให้มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านสกปรก ไม่มีเสื้อผ้าใส่เพราะไม่ได้ซักผ้า

เทคนิคที่ 3 กิจกรรมที่สามารถให้คนอื่นทำสิ่งต่าง ๆ แทนคุณ

การบริหารเวลาในส่วนนี้ เป็นกิจกรรมที่สามารถให้คนอื่นทำแทนกันได้ เช่น จองตั๋วคอนเสิร์ต จองตั๋วเครื่องบิน ฝากเพื่อนร่วมงานถ่ายเอกสาร จ้างคนอื่นทำงานแทน เป็นต้น ซึ่งเป็นการช่วยให้คุณได้ประหยัดเวลาเพื่อไปทำหรือโฟกัสในสิ่งที่คุณอยากทำและสำคัญมากกว่า

เทคนิคที่ 4 กิจกรรมที่สนุกสนาน

การจัดการเวลาในส่วนนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้เพราะไม่ได้สำคัญมากนัก เช่น การดูหนัง ฟังเพลงในยูทูป เล่นเกมส์ เที่ยว แชทเล่นกับเพื่อน เป็นต้น เป็นเวลาที่ไม่มีผลกระทบหรือความเสียหายแต่อย่างใดเพราะเป็นเวลาที่ทำให้เพลิดเพลินและเติมสีสันให้กับชีวิตเท่านั้น หากเวลาส่วนนี้มีมากเกินไปก็อาจไปกระทบหรือกินเวลาในส่วนอื่น ๆ ที่เราได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น

หากไม่มีการบริหารเวลา ก็จะส่งผลกระทบต่อการวางแผนที่ต้องทำในแต่ละวัน ว่าจะทำอะไร ที่ไหนและอย่างไร กล่าวคือ สิ่งที่ทำอยู่นั้นก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์และไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การบริหารเวลา อย่างเหมาะสม จึงเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะประสบความสำเร็จและมีความสุขในเรื่องต่าง ๆ นั่นเอง

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บริหารเวลาทำงาน

เคล็ดลับบริหารเวลางานประจำ งานเสริม และเวลาส่วนตัว

เคล็ดลับบริหารเวลางานประจำ งานเสริม และเวลาส่วนตัว

ทุกวันนี้การทำงานประจำอย่างเดียว อาจจะมีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาทำอาชีพเสริม เพื่อให้ได้รายได้อีกทางมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย แต่การทำทั้งสองงานให้ประสบความสำเร็จทั้งคู่ อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเวลา จากตอนแรกเราต้องแบ่งเวลาแค่ 2 ช่วง คือเวลางานประจำ และเวลาส่วนตัว พอมีงานเสริม กลับต้องแบ่ง 24 ชั่วโมงเป็น 3 ส่วน ซึ่งวันนี้เรามี เคล็ดลับบริหารงานทั้ง 3 ช่วงเวลามาฝากกัน

บริหารเวลา โดยการแบ่งเวลาให้เป็น

การแบ่งเวลาให้เป็นสามารถเริ่มได้ด้วยการวางแผนจัดตารางเวลา เช่น 1 วันเรามีสิ่งไหนที่ต้องทำบ้าง ควรเริ่มจากการวางแผนรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี หลังจากเราวางแผนแล้ว เราก็ควรที่จะจัดลำดับหรือให้ความสำคัญของงานแต่ละอย่าง โดยสามารถแบ่งระดับความสำคัญได้เป็น 4 ประเภท คือ

1. สำคัญ และเร่งด่วน
2. สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน
3. ไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน
4. ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน

หลังจากจัดลำดับความสำคัญได้แล้ว เราต้องทำตามแผนงานตารางเวลาที่วางไว้ ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง เลื่อนไปทำวันอื่น เขียนแล้วต้องทำให้ได้ เป็นการฝึกวินัยให้ตนเองด้วย

บริหารเวลา โดยการแบ่งเวลาให้ชัดเจน

แบ่งเวลาให้ชัดเจนว่าเป็น เวลางานประจำ งานเสริม หรือเวลาส่วนตัว เราควรทำอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลานั้น ไม่ควรทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ควรแบ่งให้ชัดเจน เช่น เวลาทำงานประจำ ก็ควรสมาธิจดจ่อกับการทำงานประจำเพียงอย่างเดียว ตัดความคิดนอกเรื่องออก เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ หรือเวลากลับบ้านก็ไม่ควรคิดเรื่องงาน ใช้เวลากับครอบครัว ให้เวลากับตัวเองอย่างเต็มที่

บริหารเวลา โดยการลดช่วงเวลาที่ไม่สำคัญ เพิ่มช่วงเวลาที่สำคัญแทน

ปกติ เราแบ่ง 8 ชั่วโมง สำหรับเวลางานประจำ, 2 – 4 ชั่วโมง สำหรับการเดินทาง, 12 – 14 ชั่วโมงสำหรับเวลาส่วนตัว แต่ถ้าเราจะมีการทำงานเสริมเพิ่มเข้ามา เราก็ต้องลดทอนเวลาในส่วนอื่นลง แต่เราไม่สามารถลดเวลาของการทำงานประจำลงได้ ก็ได้แต่ลดช่วงเวลาของการเดินทางหรือเวลาส่วนตัวลง ลดเวลาของการเดินทางลง โดยการหาที่ทำงานที่ใกล้กับที่พัก หรือย้ายไปอยู่หอพัก คอนโด ที่ใกล้ที่ทำงาน เราก็จะมีเวลาว่างเพิ่มขึ้นอีกหลายชั่วโมง อีกทั้งลดเวลาส่วนตัวลง โดยใช้การแบ่งเวลาให้เป็น ถ้าเป็นเวลาส่วนตัว แต่ไม่มีประโยชน์ เช่น การเล่นโซเชียลมีเดียตลอดเวลา ตามข่าวดราม่า ข่าวเรื่องคนอื่น เป็นต้น เราอาจจะลองแบ่งเป็น 8 ชั่วโมง สำหรับเวลางานประจำ, 1-2 ชั่วโมง สำหรับการเดินทาง, 8-10 ชั่วโมงสำหรับเวลาส่วนตัว, 4-7 ชั่วโมงสำหรับงานเสริม

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมบริหารเวลาส่วนตัวสำหรับการดูแลสุขภาพกันด้วย การทำงานหนักจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ถึงมีเงินเท่าไหร่ก็ได้ไม่คุ้มเสีย

บริหารเวลา โดยการแบ่งเวลาให้เป็น

บริหารเวลาทำงาน

ก่อนจะบริหารเวลาเป็นแบบมืออาชีพได้ ต้องไม่มีข้ออ้างอะไรบ้าง

ก่อนจะบริหารเวลาเป็นแบบมืออาชีพได้ ต้องไม่มีข้ออ้างอะไรบ้าง

การ บริหารเวลา 24 ชั่วโมงของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างมีวินัยสม่ำเสมอ ซึ่งมีคำที่คนทั่วไปมักใช้เป็นข้ออ้างอยู่หลายคำ ที่จะทำให้บั่นทอนประสิทธิภาพในการใช้เวลา เรามาดูกันว่า คำอะไรบ้างที่คนเราต้องปรับทัศนคติและไม่ควรพูด หากต้องการใช้เวลาให้มีค่ายิ่งขึ้น

ข้ออ้างที่ไม่ควรใช้ในการบริหารเวลา

ต้นทุนต่ำ : การที่คุณมองตัวเองว่าเป็นคนที่มีต้นทุนต่ำ มีเงินทองชื่อเสียงหรือความสามารถน้อยกว่าคนอื่น จะทำให้จิตใจรู้สึกห่อเหี่ยวท้อแท้ และไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ ๆ ให้กับตัวเองและครอบครัว เป็นปัญหาด้านทัศนคติที่จะส่งผลต่อชีวิตของคุณในระยะยาว คำว่าต้นทุนต่ำจึงเป็นคำที่ควรตัดออกไปจากวงจรชีวิตของคุณในเบื้องต้น

ไม่มีเวลา : การจะทำทุกสิ่งอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น แต่คนที่บริหารเวลาได้อย่างมีคุณภาพ 24 ชั่วโมง สามารถทำงานได้มากกว่าคนอื่นนั้น มาจากการคิดแล้วลงมือทำเลย ไม่รอว่าจะต้องมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ หรือมัวแต่คิดจินตนาการ แต่ไม่ได้ลงมือทำเสียจริง ๆ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มัวแต่พูดว่าไม่มีเวลาและใช้เวลาไปกับเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ก็ควรที่จะเริ่มสำรวจตัวเองและวางแผนตารางการใช้ชีวิตในแต่ละวันเสียใหม่

โอกาสน้อย : การมองโลกในแง่ร้ายว่าตัวเองไม่มีโอกาสที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีเท่าเทียมคนอื่น เป็นปัญหาด้านทัศนคติอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณหยุดนิ่งอยู่กับที่ การคุยกับผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านต่าง ๆ เพื่อนำแนวทางที่ดีมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน การศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ ทางด้านวิชาการ ทักษะทางคอมพิวเตอร์ ภาษา การขายของออนไลน์ ฯลฯ เหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นในยุคสมัยปัจจุบัน เพื่อให้คุณสามารถนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ คำว่าไม่มีโอกาสจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องลบออกไปจากสมองได้แล้ว

ทำไม่ได้ : หลายคนที่มองผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในจุดสูงสุดที่มีทั้งชื่อเสียง เงินทองและความสามารถอย่างรอบด้าน คุณอาจจะมองว่าตัวเองไม่มีทางทำได้แบบเขา ซึ่งจะทำให้คุณไม่กล้าเริ่มต้นที่จะทำสิ่งใด ๆ เลย คุณควรจะมองว่าคุณกำลังก้าวสู่ความสำเร็จ โดยเริ่มต้นที่จะจัดการตารางเวลาของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ และลงมือทำอย่างจริงจัง เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถประสบความสำเร็จแบบเขาเหล่านั้นได้

การบริหารเวลาอย่างมีคุณภาพ ต้องเริ่มจากทัศนคติที่ดีและมีเป้าหมายในการใช้ชีวิต เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นแนวทางให้ทุกท่านปรับทัศนคติเสียใหม่ เพื่อให้การบริหารจัดการเวลาในแต่ละวันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ข้ออ้างที่ไม่ควรใช้ในการบริหารเวลา

บริหารเวลาทำงาน

คนรุ่นใหม่บริหารเวลาอย่างไร จึงจะมีคุณภาพ 2020

บริหารจัดการเวลาของชีวิต

การบริหารเวลาใน 24 ชั่วโมงที่ทุกคนมีเท่ากันให้มีประสิทธิภาพเหนือคนอื่นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหมายถึงการเติบโตในหน้าที่การงานได้ดีมากขึ้น และยังมีเวลาเหลือในการพักผ่อนและออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีด้วย เรามาดูกันว่า คนรุ่นใหม่ที่ต้องทำกิจกรรมหลากหลายอย่างในทุก ๆ วัน และยังต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตควบคู่กับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควรบริหารจัดการด้านเวลาอย่างไรบ้าง

บริหารจัดการเวลาของชีวิต

ทำบันทึกลำดับความสำคัญของงาน – การทำรายการงานที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยลำดับจากเช้าจนถึงค่ำ ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ที่จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญที่ให้ทุกคนนั้นมีเป้าหมายในการใช้เวลาทุกชั่วโมง และกำหนดช่วงเวลาที่ดีในการทำงานแต่ละชิ้น โดยงานที่ทำยาก ต้องใช้พลังสมองสูง ควรทำตั้งแต่เช้า เพราะสมองยังปลอดโปร่ง ส่วนงานที่เป็นกิจวัตรด้านเอกสาร สามารถยกไปทำตอนบ่ายหรือเย็นได้ การทำตารางใช้เวลาควรทำก่อนล่วงหน้า 1 วัน เพื่อไม่ต้องเสียเวลาในการวางแผนในตอนเช้าอีก

ฝึกตั้งสมาธิก่อนทำงาน – ก่อนการเริ่มทำงานแต่ละชิ้น ควรนั่งนิ่ง ๆ หรือทำให้จิตใจไม่วอกแวกสัก 5 นาที เพื่อให้มีสมาธิกับงานที่จะทำให้มากที่สุด การมีสมาธิตลอดเวลาจะช่วยลดเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาด จึงไม่ต้องเสียเวลาในการกลับมาแก้ไขอีก เท่ากับงานแต่ละอย่างใช้เวลาน้อยลง มีการศึกษาพบว่าก่อนการทำงานชิ้นสำคัญ หากพนักงานมีการทำสมาธิก่อนทำ และปิดการใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดระหว่างการทำงาน จะได้ประสิทธิภาพงานสูงที่สุด เพราะไม่มีสิ่งรบกวนทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน และทำให้เวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการทำงานลดลงด้วย

ใช้โปรแกรมมือถือตัวช่วยในการวางแผน – โปรแกรมตัวช่วยในการวางแผนเวลาในปัจจุบันมีหลายชนิด ที่คนนิยมใช้งาน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะมีการพกพาโทรศัพท์มือถือติดตามตัวไว้เสมอ เช่น โปรแกรม calendars by readdle ซึ่งจะเป็นโปรแกรมในการวางแผนกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน มีรูปแบบคล้ายปฏิทินตั้งโต๊ะที่เจ้าของโทรศัพท์สามารถที่จะเลือกสีสันในแต่ละช่องกิจกรรม เพื่อแสดงถึงความสำคัญของงานแต่ละชิ้นได้แตกต่างกัน ที่สำคัญคือสามารถที่จะตั้งเวลาในการเตือนทั้งตอนเริ่มและจบงานแต่ละชิ้น เพื่อให้การวางแผนงานของคุณมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการเวลาของคนยุคใหม่นั้นมีอยู่หลายเทคนิคที่ควรทำประกอบกัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ชีวิตประสบความสำเร็จในทุกด้านต่อไป

คนรุ่นใหม่บริหารเวลาอย่างไร จึงจะมีคุณภาพ 2020

บริหารเวลาทำงาน

การบริหารเวลาสำคัญอย่างไรต่อชีวิตและการทำงาน

การบริหารเวลาสำคัญอย่างไรต่อชีวิตและการทำงาน

การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องฝึกฝนให้มีในตัวเองตั้งแต่อายุน้อย เพราะเวลาเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เราไม่สามารถที่จะสร้างวันเวลาย้อนกลับแก้ไขอดีตได้ ดังนั้นผู้ที่วางแผนการใช้เวลาให้มีคุณภาพตลอด 24 ชั่วโมง และมีวินัยในการใช้ชีวิตก็จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าผู้อื่น ทั้งในด้านการงาน ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพ

สิ่งที่จะได้จากการบริหารเวลาที่มีคุณภาพ มีดังนี้

– เพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละวัน การวางแผนใช้เวลาในแต่ละวัน เราควรจะต้องมีไดอารี่หรือโปรแกรมในมือถือที่ช่วยบันทึกว่าจะทำกิจกรรมใด ในช่วงเวลาใดบ้างของวัน และต้องลำดับความสำคัญให้เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายไม่ยุ่งยาก ลดปัญหางานพอกหางหมูได้ด้วย

– มีเป้าหมายของชีวิตในทุกวัน การกำหนดความสำเร็จในชีวิตระยะ 5 ปี 10 ปี หรือหลังเกษียณ ต้องมาจากมีเป้าหมายการใช้เวลาทุก ๆ วันให้ชัดเจน คนที่มีฐานะร่ำรวยหรืออยู่ในตำแหน่งสูงของมีสายอาชีพ มักมีเป้าหมายในการทำงานให้สำเร็จแต่ละชิ้นเป็นอย่างดีในทุกวัน เพราะมักคิดว่าความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำทุกวันเมื่อสะสมจะรวมกันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

– เห็นคุณค่าของเวลา การรู้จักแบ่งเวลาให้ดีในทุกวัน จะทำให้คุณมีสติกับการอยู่กับชิ้นงานตรงหน้ามากยิ่งขึ้น หากพูดคุยเจรจากับคนอื่นก็จะให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหาที่จะคุย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากกว่าการเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระหรือเรื่องราวในอดีตและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อันทำให้จิตใจฟุ้งซ่านและไม่เกิดประโยชน์ต่องานที่ต้องทำ

– แบ่งเวลาได้อย่างสมดุล ในแต่ละวันที่มี 24 ชั่วโมง เราให้เวลากับการนอนพักผ่อน 8 ชั่วโมง และส่วนที่เหลือเราจะต้องให้ความสำคัญอย่างสมดุลกับเรื่องสุขภาพ การงาน การเงิน ทั้งการดูแลคนในครอบครัว พ่อแม่ลูกหลาน การดูแลสุขภาพตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย การทำให้สุขภาพจิตดี ด้วยการทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ การทำงานประดิษฐ์ DIY และการตั้งใจทำงานในเวลาที่กำหนดให้ดีที่สุด เพื่อให้คุณสามารถเติบโตได้ก้าวไกลในสายงานที่คุณประกอบอาชีพอยู่

– ทำให้ตัวเองเป็นที่น่าเชื่อถือ คนที่แบ่งเวลาได้ดี จะประสบความสำเร็จในชีวิตและเป็นต้นแบบให้คนอื่นได้ ทำให้สามารถแบ่งปันประสบการณ์เพื่อให้คนรุ่นใหม่หรือคนรอบข้างนำไปปรับใช้ได้ด้วย

จะเห็นได้ว่าการบริหารเวลานั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งในปัจจุบันทุกคนต้องทำกิจกรรมมากมายในแต่ละวัน เราจึงหวังว่า บทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของการบริหารจัดสรรเวลาได้อย่างดียิ่งขึ้นต่อไป

สิ่งที่จะได้จากการบริหารเวลาที่มีคุณภาพ

บริหารเวลาทำงาน

แอปพลิเคชันอะไรบ้างที่ช่วยให้บริหารเวลาได้ดีขึ้น

แอปพลิเคชันอะไรบ้างที่ช่วยให้บริหารเวลาได้ดีขึ้น

การใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อบริหารจัดการเวลา เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เกือบทุกคนทั้งในวัยเรียนและวัยทำงานจะมีการพกพาโทรศัพท์ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวันได้

หากต้องการให้เวลา 24 ชั่วโมงผลิตชิ้นงานได้มากขึ้นและมีการบริหารชีวิตที่เป็นแบบแผนในระยะยาว ควรจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่อไปนี้

1. Google Calendar

สำหรับนักเรียนนักศึกษาเรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับ Google calendar ปฏิทินของ Google ที่เลียนแบบปฏิทินกระดาษ สามารถเลือกวันเดือนปีทั้งในปัจจุบัน อนาคตหรือเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีตที่ผ่านมาในแต่ละปีได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนให้คุณไม่พลาดนัดสำคัญ ได้รับการบอกต่อว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ง่าย ช่วยในการวางแผนตารางเวลาได้อย่างละเอียดโดยไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้มาก

2. TimeBlocks

เป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณเหมือนมีเลขาประจำตัว สามารถเชื่อมต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์กับระบบมือถือ iPhone ได้ด้วย ความโดดเด่นยังอยู่ที่สามารถใส่สีสันไม่จำกัดตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละราย เช่น งานเร่งด่วนใช้สีแดง กิจกรรมประชุม สีฟ้าหรือเขียว นัดพบลูกค้าสีเหลืองสีส้ม เป็นต้น ทั้งยังมีสติ๊กเกอร์เพิ่มความน่ารักและช่วยให้จดจำกิจกรรมที่ต้องทำได้ดียิ่งขึ้นด้วย อย่าลืมว่า การใช้สีสันที่ตัวคุณเป็นคนเลือกเองสำหรับบันทึกงานแต่ละชิ้น จะช่วยให้เสริมความกระตือรือร้นในการทำงานและช่วยเสริมความจำที่ดียิ่งขึ้นได้

3. Calendar by Readdle

เป็นตัวช่วยที่กระตุ้นเตือนให้คุณใช้เวลาในการทำงานแต่ละชิ้นให้ตรงตามแผน จะทำให้คุณเข้าใกล้สู่ความสำเร็จ บริหารจัดการเวลาได้อย่างรัดกุมยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมต่อระบบกับ Apple Watch ขณะคุณทำออกกำลังกายก็ได้ด้วย คุณจึงมีวินัยในการบริหารเวลาตลอด 24 ชั่วโมงมากขึ้น ไม่ทำให้เวลางานหนึ่งเคลื่อนไปกระทบต่อตารางงานอีกชิ้นหนึ่งอย่างที่เคยเป็นมา

4. Planner Pro

มีจุดเด่นที่คนนิยมคือ การใช้สำหรับการจดบันทึกสิ่งที่คิดเป็นไอเดียใหม่ ๆ ระหว่างวันได้ นอกจากการบันทึกกิจกรรมที่ต้องทำเป็นปกติตัวอย่างเช่น หากคุณมีงานอดิเรกเป็นการทำอาหาร คุณนึกถึงสูตรอาหารขึ้นมาใหม่ๆ ก็สามารถแทรกบันทึกโน๊ตลงไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถรองรับรูปภาพที่มีความละเอียดได้อีกด้วย จึงไม่พลาดทุกไอเดียและกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวัน

จะเห็นได้ว่า แอปพลิเคชันใหม่ๆ สามารถตอบโจทย์การบริหารจัดการเวลาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เราแนะนำให้คุณลองพิสูจน์ประสิทธิภาพของตัวช่วยเหล่านี้ ลองใช้งานอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1-2 เดือน ดูว่าคุณบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้นหรือไม่ เพื่อให้คุณเลือกใช้งานแอปพลิเคชันที่เหมาะกับตัวเองในชีวิตประจำวันต่อไป

การบริหารชีวิตที่เป็นแบบแผนในระยะยาว

บริหารเวลาทำงาน

การบริหารเวลาแบบมืออาชีพ อยากเป๊ะต้องรู้

การบริหารเวลาแบบมืออาชีพ อยากเป๊ะต้องรู้

การบริหารจัดการเวลาที่มีอยู่ 24 ชั่วโมงให้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด สำคัญต่อการเติบโตในหน้าที่การงานและเพิ่มอัตราการแข่งขันทาง ธุรกิจ หากไม่สามารถบริหารจัดการเวลาได้ ก็เท่ากับเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คู่แข่งทางธุรกิจหรือสายงานเติบโตได้มากกว่าไปด้วย

วิธีบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพแบบมืออาชีพ

1. วางแผนและลำดับความสำคัญ

งานแต่ละชิ้นจะมีความจำเป็นและความเร่งด่วนไม่เท่ากัน รวมถึงการใช้เวลาในการทำงานให้เสร็จแตกต่างกันไปด้วย งานบางอย่างต้องทำเป็นกิจวัตร ไม่มีความเร่งด่วน เช่น งานเอกสาร การทำบัญชีสรุปรายเดือน แต่งานบางอย่างจะต้องเร่งทำให้เสร็จ เช่น การติดต่อลูกค้าคนสำคัญ การคิดนโยบายแก้ไขสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจ เป็นต้น ดังนั้น ในแต่ละวันต้องมีการวางแผนว่าต้องทำงานใดก่อนหรือหลังให้ลงตัวที่สุด

2. การรู้จักปฏิเสธ

คุณอาจเคยเห็นเพื่อนร่วมงานบางรายที่รับงานคนอื่นมาทำ ทั้งที่งานตัวเองก็ยังไม่เสร็จ เพียงเพราะว่าเกรงใจที่มาร้องขอความช่วยเหลือ หรือคนที่รับปากกับเพื่อนว่าจะไปสังสรรค์ แทนที่จะปฏิเสธเพราะงานยังไม่เสร็จ การรู้จักปฏิเสธเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้คุณใช้เวลาของตัวเองในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้ดีขึ้น ทำให้คุณก้าวสู่การเป็นมืออาชีพในสายงานที่ทำมากยิ่งขึ้น

3. การเน้นคุณภาพของงาน

การหยุดใช้สื่อโซเชียลสำคัญต่อการเพิ่มคุณภาพงาน ผู้ที่ต้องตัดสินใจหรือทำงานชิ้นที่สำคัญ ต้องการให้มีผลงานดี ไม่มีปัญหาแก้ไข ควรตัดสิ่งรบกวน เช่น ปิดโทรศัพท์มือถือ หยุดการเช็คอีเมลชั่วคราว เปลี่ยนเวลาตอบแชท line หรือ Facebook ไปช่วงเวลาพักหลังเลิกงาน จะทำให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้ามากที่สุด คุณภาพของงานจะสูงขึ้นจากการมีความคิดที่ต่อเนื่องไม่มีสิ่งรบกวน หากทำเช่นนี้ได้เป็นประจำก็จะทำให้แต่ละวันได้ปริมาณงานที่มากขึ้นด้วย

4. การมีเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจน

คนที่มีความมุ่งมั่นในชีวิต ต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนให้เพิ่มเงินเดือนหรือเลื่อนสู่ตำแหน่งสูงยิ่งขึ้น เช่น จากพนักงานประจำธรรมดา ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับล่าง กลาง บน โดยกำหนดระยะเวลา 3-5 ปี ที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้มีวินัยในการบริหารเวลาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าว หากคุณทำงานแบบไม่มีเป้าหมาย จะทำให้มีความเบื่อหน่าย ท้อแท้ต่ออุปสรรค และขาดการวางแผนการใช้เวลาที่ดี

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาอย่างมืออาชีพ ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องมีการวางแผน ลำดับความสำคัญของาน ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิตจากการทำงานวันต่อวัน ให้เป็นการมุ่งสู่ความสำเร็จที่มีเป้าหมายชัดเจน เราหวังว่า บทความนี้จะทำให้ทุกท่านได้แนวคิดและนำไปปรับใช้กับการจัดการกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะด้านการงานมากขึ้น

วิธีการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

บริหารเวลาทำงาน

ทักษะบริหารเวลาของคนทำงานมืออาชีพ

ทักษะบริหารเวลาของคนทำงานมืออาชีพ

ทุกคนรู้ว่าเวลาเป็นทรัพย์สินที่สำคัญ เมื่อเวลาคือทุนอย่างหนึ่ง การปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ก็เท่ากับสูญเสียเงินไปนั่นเอง การทำงานอย่างมืออาชีพไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานหรืออยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจก็ตาม ถ้าสามารถจัดการบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นธุรกิจจะเกิดประโยชน์มาก เช่น ตั้งใจทำงานให้เสร็จเร็วเพื่อที่จะมีเวลาไปแสวงหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนและพัฒนาการเงินให้ดีขึ้น คนที่บริหารเวลาได้ดีจะมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

มาดูกันว่า 4 ทักษะการบริหารเวลาอย่างมืออาชีพทำได้อย่างไรบ้าง

1.เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบวันและเวลา บันทึกว่าใช้เวลาแต่ละวันไปอย่างไร กิจกรรมแต่ละอย่างใช้เวลาเท่าไร เมื่อเห็นว่าวันหนึ่งเสียเวลาเปล่าประโยชน์ไปกับอะไรบ้าง จากนั้นคุณต้องตั้งใจแน่วแน่กับสิ่งที่ทำและใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า หากคุณยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ลองเริ่มจากการเช็คอีเมลก่อน หากคุณมักจะคอยเช็คอีเมลตลอดทั้งวัน ไม่เพียงเสียเวลาอย่างเดียว แต่ยังทำให้เสียสมาธิ ไม่จดจ่อกับงานที่ทำ ควรวางแผนว่าจะเช็คอีเมลและแชทตอบในช่วงเวลาใดบ้าง ความจริงแล้วคุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ เช็คอีเมลในช่วงเดินทางหรือระหว่างรออะไรเป็นเวลานาน เป็นการใช้เวลาได้คุ้มค่าที่สุด

2.โดยปกติการทำงานหลายอย่างพร้อมกันทำให้ขาดโฟกัสและมีโอกาสผิดพลาดง่าย ควรมุ่งเน้นไปที่ภารกิจเดียวและทำตามความสามารถของคุณให้ดีที่สุด แต่เพราะธุรกิจมีองค์ประกอบมากมาย ถ้าไม่ต้องการจ้างคนจำนวนมากมาทำงานแต่ละหน้าที่ ผู้ประกอบการมีทางเลือกคือใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อช่วยประหยัดเวลา ทุกวันนี้มีโปรแกรมมากมายช่วยสร้างระบบทำบัญชีอัตโนมัติ เช่น โปรแกรมขายหน้าร้าน POS ทำงานได้หลายอย่าง ช่วยให้เก็บเงินได้รวดเร็ว เก็บข้อมูลการขาย นับสต๊อกสินค้าคงเหลือ ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงิน คุณสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ตัวเองทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบเท่านั้น ช่วยให้การทำงานสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถประหยัดเวลาและลดความเครียดได้ด้วย

3.หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เสียสมาธิ ดูว่าแต่ละวันมีกิจกรรมอะไรทำให้เสียสมาธิบ้าง นอกจากเช็คอีเมลแล้ว ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ยังเสียเวลาการทำงานไปกับการเล่นเฟซบุ๊ก, โซเชียลมีเดีย และท่องอินเทอร์เน็ต เรื่องเหล่านี้สามารถเช็คนอกเวลางานได้อย่างง่ายดาย หากเป็นไปได้ ควรปิดแชทเฟซบุ๊ก หรือแม้แต่ปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้มีสมาธิและทำงานประจำวันให้เสร็จอย่างรวดเร็ว

4.จัดลำดับความสำคัญสิ่งที่คุณต้องทำให้สำเร็จก่อน โดยตัดสินใจว่าอะไรที่สำคัญเป็นอันดับแรก อะไรที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนแล้วตั้งใจทำภารกิจนั้นให้สำเร็จก่อน นักธุรกิจควรมุ่งเน้นไปในสิ่งที่สร้างรายได้และผลตอบแทนเป็นหลัก ขจัดงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนออกไปจะช่วยให้ทำงานเร็วและเพิ่มผลลัพธ์ความสำเร็จมากขึ้น

การวางแผนตารางเวลามีความสำคัญทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้ทำงานสำเร็จไปทีละอย่างได้อย่างเหมาะสม ทำให้สามารถจัดการบริหารเวลาได้ดีขึ้นด้วย

4 ทักษะการบริหารเวลาอย่างมืออาชีพทำได้อย่างไร